
Profhilo คืออะไร ?
Profhilo เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมความงามที่ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ ที่เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นครับ
Profhilo คืออะไร ? ทำงานอย่างไร ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ? หมอมีข้อมูลในส่วนนี้มาแนะนำ พร้อมสาระสำคัญอื่น ๆ อย่างละเอียด เช่น ความเหมาะสมในการใช้งาน เหมาะกับใครบ้าง ? ต่างจากผลิตภัณฑ์ความงามอื่น ๆ อย่างไร ? หมอได้รวมมาตอบไว้ให้แล้วในบทความ เพื่อให้ผู้ที่สนใจมีข้อมูลอย่างเพียงพอ เพื่อใช้ในการตัดสินใจว่าจะฉีด Profhilo ดีหรือไม่ครับ

- Profhilo คือ สารกระตุ้นกระตุ้นคอลลาเจนตัวใหม่ล่าสุด มีส่วนประกอบหลักเป็น Hyaluronic Acid ความเข้มข้นสูง ผ่านการพัฒนาด้วยเทคโนโลยี NAHYCO ที่ได้รับการจดสิทธิบัตร มีคุณสมบัติ กระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะตัวยากระจายตัวในผิวได้ดี
- Profhilo สามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้ในทุกชั้นผิว จึงช่วยปรับผิวให้เรียบเนียน ชุ่มชื่น มีความยืดหยุ่นได้ดี
- Profhilo เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย ผิวขาดความยืดหยุ่น ไม่สดใสเต่งตึง หลังฉีดผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ ไม่เปลี่ยนแปลงรูปหน้า แต่ดูสดใสและอ่อนวัยมากขึ้น
- Profhilo ควรฉีด 2 ครั้ง ห่างกัน 1 เดือน เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน และอยู่ได้นาน 6-12 เดือน
สารบัญ Profhilo
ทำความรู้จัก Profhilo คืออะไร ?
Profhilo (โปรฟิโล) คือ ผลิตภัณฑ์ปรับโครงสร้างผิว ที่ตอบโจทย์เทรนด์งามในปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยี Bio-Remodeling ที่ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน สร้างความกระชับให้กับผิว ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ ทำให้ผิวเต่งตึง อิ่มฟู มีความยืดหยุ่น สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยละลดเลือนริ้วรอยอย่างธรรมชาติ โดยไม่ต้องพึ่งพาการเติมเต็มเกินความจำเป็น

ที่มาของ ผลิตภัณฑ์ Profhilo
Profhilo® เป็นผลิตภัณฑ์จากสวิตเซอร์แลนด์ที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของประเทศไทย ในการช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยเสริมความชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิวและลดริ้วรอยอย่าง ที่ทำให้ผิวดูสุขภาพดีและอ่อนเยาว์ ผลลัพธ์ยาวนานและปลอดภัย
Profhilo มีลักษณะเป็นเจลใส โดยมีส่วนประกอบหลักเป็นกรดไฮยาลูรอนิก แบบ Non-crosslinked Hyaluronic acid ที่มีความบริสุทธิ์และเข้มข้นถึง 64 mg ด้วยเทคโนโลยี NAHYCO Hybrid Technology ของบริษัท IBSA Group ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านการผลิตกรดไฮยาลูรอนิก ทำให้ผลิตภัณฑ์ Profhilo ต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปที่เป็นแบบ Crosslinked Hyaluronic acid ครับ ส่งผลให้ Profhilo ไม่มีตัวเชื่อมพันธะ BDDE แบบฟิลเลอร์ จึงแพ้น้อย ลดการอักเสบ หลังฉีดไม่เป็นก้อน หรือเพิ่มปริมาตรเหมือนฟิลเลอร์

กระบวนการทำงานของ Profhilo
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน อย่างเป็นธรรมชาติ
Profhilo ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของผิวที่แข็งแรงและยืดหยุ่น ช่วยลดเลือนริ้วรอยและเสริมสร้างความกระชับของผิวอย่างเป็นธรรมชาติ
- ฟื้นฟูโครงสร้างผิวอย่างครอบคลุมด้วย Bio-Remodeling
เทคโนโลยี Bio-Remodeling ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวในทุกระดับชั้น ทั้งชั้นตื้นและชั้นลึก ส่งผลให้ผิวดูสุขภาพดีและอ่อนเยาว์จากภายในสู่ภายนอก
- เติมความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างล้ำลึก
กรดไฮยาลูโรนิก (HA) ความเข้มข้นสูง Profhilo ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างล้ำลึก ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ เปล่งปลั่ง และมีสุขภาพดี
- ลดปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยอย่างมีประสิทธิภาพ
Profhilo ช่วยลดปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยบริเวณใบหน้าและลำคอ ด้วยคุณสมบัติที่สามารถกระจายตัวได้อย่างสม่ำเสมอ ไม่ก่อให้เกิดการจับตัวเป็นก้อน
- ช่วยฟื้นฟูรอยแผลเป็นและหลุมสิว
Profhilo มีส่วนช่วยในการฟื้นฟูรอยแผลเป็นและหลุมสิว โดยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ Keratinocyte ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
- หลังฉีดผลลัพธ์ยาวนานและปลอดภัย
ผลลัพธ์ของ Profhilo สามารถคงอยู่ได้นาน 6-12 เดือน โดยไม่ต้องใช้สารเคมีเชื่อม HA จึงลดความเสี่ยงต่อการแพ้ บวม หรือแดง
- ขั้นตอนการทำสะดวกสบาย
การทำโปรแกม Profhilo จะใช้การฉีดเพียง 5 จุดต่อข้าง ทำให้เจ็บน้อยกว่าและสะดวกสบายกว่าเมื่อเทียบกับการรักษาด้วยฟิลเลอร์หรือสกินบูสเตอร์ทั่วไปครับ
เทคโนโลยี Bio-Remodeling ใน Profhilo คืออะไร ต่างจาก Biostimulator อย่างไร ?
ในช่วงผ่านมา เชื่อว่าหลาย ๆ คน อาจจะเริ่มคุณหู กับคำว่า Biostimulator ที่เป็นสารเติมเต็มที่ช่วยเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ผิว ทำให้ผิวดูกระชับแน่นยิ่งขึ้น แต่ Bio Remodeling จาก Profhilo จะแตกต่างออกไปครับ

Bio Remodeling จาก Profhilo มีจุดเด่นในการปรับโครงสร้างชีวภาพของผิว เน้นฟื้นฟูซ่อมแซมผิว มีสารประกอบเป็นไฮยาลูรอนิกแอซิดเข้มข้นสูง สามารถกระตุ้นฉีดลงลึกได้ทุกชั้นผิว ส่วน Biostimulator จะฉีดที่ผิวชั้นหนังแท้ (Dermis)
เมื่อ Profhilo เข้าสู่ผิว ตัวยาจะกระจายตัวไปตามชั้นผิวหนัง และเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์ 4 องค์ประกอบด้วยกันครับ คือ
- Keratinocytes (เซลล์หนังกำพร้า) ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูสดใสและกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น
- Fibroblast (เซลล์คอลลาเจน) ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึก
- Adipocyte (เซลล์ไขมัน) ช่วยเพิ่มปริมาณเซลล์ไขมันในผิว ทำให้ผิวดูเต็มอิ่ม มี Baby Fat
- Myocyte (เซลล์กล้ามเนื้อ) ช่วยสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อใต้ผิว ลดความหย่อนคล้อย คืนความกระชับ
ผลลัพธ์โดยรวมที่ได้คือ ผิวมีความยืดหยุ่น แข็งแรง และสุขภาพดี ทำให้ Profhilo เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากมีผิวเด็กครับ
Profhilo ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง ?
Profhilo มีประสิทธิภาพในการช่วยแก้ไขปัญหาผิวหลายประการ ดังนี้
- ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น
เนื่องจาก Profhilo มีส่วนประกอบหลักเป็นไฮยาลูโรนิก แอซิด ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้มากถึง 1,000 เท่าของน้ำหนักตัวเอง จึงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวอย่างล้ำลึก ทำให้ผิวที่แห้งกร้านกลับมาชุ่มชื่น เปล่งปลั่ง และมีสุขภาพดี
- ช่วยการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอีลาสติน
Profhilo ไม่เพียงแต่เติมเต็มความชุ่มชื้น แต่ยังกระตุ้นเซลล์ผิวให้ผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและความแข็งแรง เมื่ออายุมากขึ้น การผลิตโปรตีนเหล่านี้จะลดลง Profhilo จึงช่วยฟื้นฟูกระบวนการนี้ให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ช่วยการปรับปรุงโครงสร้างผิว
Profhilo ช่วยปรับโครงสร้างผิวให้แข็งแรงขึ้น ทำให้ผิวที่หย่อนคล้อย บาง และขาดความยืดหยุ่น กลับมามีความแน่นกระชับและมีปริมาตรมากขึ้น โดยไม่ทำให้ใบหน้าดูผิดธรรมชาติหรือบวม
- ช่วยลดเลือนริ้วรอย
ด้วยคุณสมบัติในการเพิ่มความชุ่มชื้นและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Profhilo จึงช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย โดยเฉพาะริ้วรอยละเอียดที่เกิดจากผิวแห้งขาดน้ำ ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ขึ้น
- การฟื้นฟูผิวโดยรวม
Profhilo ช่วยฟื้นฟูคุณภาพผิวโดยรวม ทำให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้น มีความสว่างกระจ่างใส มี Texture ที่ดีขึ้น และดูมีชีวิตชีวามากขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นธรรมชาติ ไม่ทำให้ใบหน้าดูผิดรูปหรือผิดสัดส่วน
Profhilo เหมาะกับใครบ้าง ?
✓ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวขาดน้ำ ผิวแห้ง หมองคล้ำ
✓ เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีปัญหาริ้วรอย ต้องการปรับปรุงโครงสร้างผิวให้แน่นกระชับ
✓ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยในระดับเบื้องต้นถึงปานกลาง ผิวหลวม
✓ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวไม่เรียบเนียน มีปัญหารูขุมขนกว้าง มีรอยสิว รอยแผลเป็น
✓ เหมาะผู้ที่ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงลักษณะใบหน้า แต่เน้นการฟื้นฟูสุขภาพผิวให้ดูดีขึ้นโดยรวม
✓ เหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลผิวตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป เพื่อชะลอการเสื่อมสภาพของผิว
ฉีด Profhilo ดีไหม ฉีดอย่างไร ถึงเห็นผล ?
การฉีด Profhilo ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ต้องอาศัยประสบการณ์ของแพทย์ผู้ฉีดในการประเมินสภาพผิวคนไข้ในแต่ละเคส เพื่อวางแผนการฉีดอย่างเหมาะสม
ทั้งนี้การฉีด Profhilo จะต้องมีเทคนิคการฉีดที่เหมาะสมครับ ซึ่งเป็นการฉีดเข้าไปเฉพาะจุด ที่เรียกว่า BAP (Bio Aesthetic Points) โดยเทคนิคนี้จะฉีด 5 จุด/ใบหน้า 1 ข้าง และ 15 จุด ทั่วลำคอ เพื่อให้ HA กระจายตัวอย่างเหมาะสม และในแต่ละจุดต้องใช้ปริมาณที่เหมาะสมและแม่นยำครับ ถึงจะได้รับผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นเทคนิคมาตรฐานที่ได้รับการพัฒนาเฉพาะสำหรับ Profhilo โดยแพทย์ผู้ฉีดจะต้องการได้รับการอบรมและเทรนด์มาก่อนครับ

Profhilo ควรฉีดกี่ CC ต่อครั้ง ?
การฉีด Profhilo เพื่อฟื้นฟูผิวจะฉีดประมาณ 2-4 CC โดย Profhilo 1 หลอดจะมี 2 cc ครับ ในแต่ละเคสจะใช้ปริมาณตัวยา Profhilo แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหา และแพทย์ประเมินตามความเหมาะสม
ทำ Profhilo กี่ครั้งเห็นผล ?
การฉีด Profhilo จะแนะนำให้ฉีดติดกัน 2 ครั้ง โดยเว้นระยะห่าง 1 เดือน (รวม 2 หลอด) ในกรณีที่มีปัญหาผิวมาก ๆ เช่น มีริ้วรอย มีหลุมสิว สามารถฉีด 3 ครั้ง เพื่อให้เกิดการกระตุ้นคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง เห็นผลที่ชัดเจนขึ้นครับ
หลังทำ Profhilo กี่วันเห็นผล ? อยู่ได้นานไหม ?
ลำดับการเห็นผลลัพธ์หลังฉีด Profhilo มีดังนี้
- เริ่มเห็นผลใน 7-14 วันแรก : สามารถรู้สึกได้ว่าผิวเริ่มชุ่มชื้นและดูสดใสขึ้น
- เห็นผลชัดเจนใน 1-2 เดือน : ผิวได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่ ทั้งความยืดหยุ่น ความชุ่มชื้น และความเรียบเนียน ริ้วรอยเล็ก ๆ จะค่อย ๆ ลดลง
- ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-12 เดือน : ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลรักษาของแต่ละคน
- ฉีดซ้ำได้ทุก 6 เดือน : เพื่อคงผลลัพธ์และกระตุ้นการฟื้นฟูผิวอย่างต่อเนื่อง
ตัวอย่างอย่างผลลัพธ์ หลังฉีด Profhilo


เปรียบเทียบ Profhilo เหมือนฟิลเลอร์ไหม ?

ระหว่าง Profhilo กับ ฟิลเลอร์ เหมือนหรือต่างกันหรือไม่ ?
Profhilo กับ ฟิลเลอร์ มีทั้งความเหมือนและความต่างครับ โดย Profhilo กับ ฟิลเลอร์ จะมีส่วนประกอบที่เป็นส่วนที่เหมือนกันคือ HA หรือ ไฮยาลูลอริก แอซิด แต่ต่างกันที่วัตถุประสงค์ในการใช้งาน
โดย HA ใน Profhilo ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเติมเต็มเหมือนฟิลเลอร์ครับ Profhilo มีวัตถุประสงค์ในการปรับปรุงโครงสร้างผิว เน้นฟื้นฟูผิวในเชิงโครงสร้าง (Bio-Remodeling) ด้วยการกระตุ้น การสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน เป็นหลัก
เปรียบเทียบ Profhilo กับสารกระตุ้นคอลลาเจน Biostimulator อื่น ๆ
นอกจาก Profhilo จะถูกนำมาเปรียบเทียบกับฟิลเลอร์แล้ว Profhilo ยังถูกเปรียบเทียบกับหัตถการในกลุ่มกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ยี่ห้ออื่น ๆ เช่น Sculptra และ Radiesse ร่วมด้วย ซึ่งหมอขออธิบายเป็นข้อ ๆ ในแต่ละหัตถการดังนี้
Profhilo VS Sculptra
Profhilo กับ Sculptra มีส่วนประกอบและกระบวนการทำงานที่ต่างกันครับ
Sculptra จะเป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่เป็นอนุภาคของสาร Poly-L-Lactic acid หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า PLLA โดย Sculptra มีจุดเด่นในการเพิ่มความหนาของผิว จากการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type I ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น โดยสามารถ การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type I ได้ถึง 66.5% จะทำให้ผิวกระชับ แน่นเฟิร์ม อิ่มฟู ยืดหยุ่นโครงสร้างผิวแข็งแรงจากภายใน ผลลัพธ์อยู่ได้ 2 ปี
Sculptra คืออะไร ? ช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง ? เหมาะกับใคร ฉีดตำแหน่งไหนใช้กี่ CC ?
ส่วน Profhilo จะใช้เทคโนโลยีพิเศษ ในการทำให้ปริมาณ HA แบบจำนวนมากอยู่ในโครงสร้างพิเศษที่สามารถกระตุ้นคอลาเจนได้ และอยู่ในร่างกายได้นาน
Profhilo VS Radiesse
Profhilo จะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างจาก Radiesse ครับ การทำงานของ Radiesse คือ กระตุ้นคอลลาเจน โดยมีส่วนประกอบสำคัญคือ CaHA microsphere เด่นในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวชั้นลึกช่วย ฟื้นฟู Fibroblast ทำให้เกิดการกระตุ้นสารสำคัญในร่างกาย ได้แก่ Collagen Type 1 และ Type 3, Elastin, Angiogenesis และ Proteoglycans ช่วยให้ผิวแน่นขึ้น เฟิร์มกระชับ ลดริ้วรอยเล็ก ๆ ให้ผลลัพธ์ทันทีในการเติมเต็ม ผลลัพธ์อยู่ได้ 2 ปี ซึ่งต่างจาก Profhilo ที่สามารถฉีดผิวชั้นตื้นได้ด้วย
เจาะลึก Radiesse คืออะไร ช่วยอะไรบ้าง เหมาะกับปัญหาแบบไหน ?
Profhilo VS Juvelook
แม้ว่า Juvelook และ Profhilo จะสามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้คล้าย ๆ กันแต่ทั้งสองชนิดก็ทำงานในลักษณะที่แตกต่างกันมากครับ
Juvelook จะเป็น Hybrid Biostimulator มี PDLLA และ Hyaluronic เป็นส่วนประกอบหลัก เน้นกระตุ้นคอลลาเจน ช่วยลดริ้วรอยตื้นให้ดีขึ้น ลดรอยแผลเป็น
Profhilo VS Neauvia
Profhilo VS Neauvia ต่างกันครับ เนื่องจาก Neauvia เป็นโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์แบบ Non Cross-Linked HA + 1% CaHA เน้นปรับคุณภาพผิว เพิ่มความยืดหยุ่น ผิวอิ่มฟู
Profhilo VS Ultracol 200
Ultracol 200 เป็นอีกหัตถการที่หลายคนนำมาเปรียบเทียบครับ การทำงานของ Ultracol 200 จะเป็น Biostimulator ที่ใช้สาร PDO (Polydioxanone) เป็นส่วนประกอบหลัก เน้นเพิ่มคอลลาเจน ทำให้ผิวดูแน่นกระชับ กระจ่างใส ไม่ได้ออกมาเพื่อปรับโครงสร้างผิวเหมือน Profhilo
Profhilo VS Gouri
Gouri มีส่วนประกอบหลัก คือ PCL (Polycaprolactone) เน้นกระตุ้นคอลลาเจนและฟื้นฟูผิวแบบ Glass Skin แน่นอนว่าเป้าหมายการใช้งานต่างไปจาก Profhilo ครับ
หลังฉีด Profhilo ดูแลตัวเองอย่างไร ให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจน และอยู่ได้นาน ?
เพื่อให้ผลลัพธ์จากการฉีด Profhilo ชัดเจนและอยู่ได้นาน ควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีดใน 24 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดการระคายเคือง
- ในช่วง 1 สัปดาห์แรก ควรหลีกเลี่ยงความร้อนสูง เช่น ซาวน่า การอาบน้ำอุ่น หรือการออกกำลังกายหนัก ที่อาจทำให้การกระจายตัวของสารลดลง
- งดการใช้สกินแคร์ที่มีสารระคายเคือง เช่น กรด AHA/BHA หรือเรตินอลในช่วงสัปดาห์แรก
- ควรดูแลให้สภาพผิวมีความชุ่มชื้น ด้วยการใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะสม และดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ Hyaluronic Acid
- เพื่อเป็นการดูแลและปกป้องผิว ควรทาครีมกันแดดทุกวัน เพื่อป้องกันรังสี UV ที่อาจทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว
- ปรึกษาแพทย์ตามนัด เพื่อประเมินผลลัพธ์และวางแผนการฉีดซ้ำในอนาคต
Profhilo ราคาเท่าไร ?
Profhilo ราคาโดยทั่วไป ในคลินิกชั้นนำที่ได้มาตรฐาน ราคาจะเริ่มต้นที่ประมาณ 25,000-40,000.-/ 1 กล่อง ขึ้นอยู่กับโปรโมโมชัน ประสบการณ์ ดีกรีแพทย์ผู้ฉีด รวมถึงชื่อเสียงของแต่ละคลินิกครับ
ฉีด Prohilo แล้วยังจำเป็นต้องทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ไหม ?
อย่างที่หมออธิบายถึงเป้าหมาย และคุณสมบัติการทำงาน ของ Profhilo และการฉีดฟิลเลอร์ จะเห็นว่าทั้ง 2 หัตถการทำงานต่างวัตถุประสงค์กันครับ แล้วจะเลือกแบบไหนดี ฉีด Profhilo หรือ ฉีดฟิลเลอร์ดีกว่า
หมอขอตอบว่าขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและความต้องการของแต่ละคนเลยครับ ถ้าต้องการฟื้นฟูผิวโดยรวม ฉีด Profhilo ตัวเดียวก็เพียงพอแล้ว
แต่สำหรับใครที่ต้องการปรับรูปหน้า ต้องการคืนความอ่อนเยาว์ ที่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้เร็ว หรือมีปัญหาร่องลึกจากกระดูกทรุด ชั้นไขมันลดลง ผิวเสื่อมตามวัย เช่น ร่องแก้ม ร่องใต้ตา หรือต้องการปรับรูปหน้าอย่าง ปาก คาง ขมับ หมอแนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ครับ เพราะสามารถแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดมากกว่าครับหรือใครที่อยากฉีด Profhilo และโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ร่วมกัน ก็สามารถฉีดได้ครับ
สรุป Profhilo ดีไหม ควรฉีดหรือไม่ ?
การฉีด Profhilo ถือว่าเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งครับ ในการฟื้นฟูผิว ย้อนวัยให้ผิว ใครที่ต้องการฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายในโดยไม่เพิ่มวอลลุ่ม ไม่อยากให้โครงหน้าเปลี่ยนไปจากเดิมมาก และสามารถคงผลลัพธ์ได้นาน Profhilo ก็ถือว่าตัวเลือกที่ดี และมีความปลอดภัย เมื่อทำโดยแพทย์ที่ประสบการณ์
ส่วนใครที่มีปัญหาผิว แต่ไม่รู้ว่าควร ฉีด Profhilo ดีไหม ? แนะนำให้เข้ามาปรึกษาแพทย์โดยตรง และแจ้งความต้องการของแต่ละคน เพื่อให้แพทย์ประเมินสภาพผิว และวางแผนการรักษาที่เหมาะสม เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดี คุ้มค่ากับตัวตนไข้ได้มากที่สุด
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง Inbox Facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ
