
เมโสหน้าใส
การฉีดเมโสหน้าใส เป็นหัตถการที่ช่วยส่งวิตามินและสารบำรุง เข้าสู่ชั้นผิวโดยตรง ทำให้เห็นผลลัพธ์เร็วกว่าการบำรุงแบบทั่วไป สำหรับใครที่สนใจฉีดเมโสหน้าใส ไม่รู้ว่าจะเลือกสูตรไหน ยี่ห้อไหนดี ในบทความนี้หมอมีข้อมูลเจาะลึกเกี่ยวกับเมโสหน้าใสมาแนะนำครับ
เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน
เมโสหน้าใส คืออะไร?

“เมโส” คือ ชื่อย่อของเมโสเทอราปี (Mesotherapy) ที่เป็นการใช้เข็มฉีดยาขนาดเล็ก ประมาณ 27-30 G (ขนาดเล็กกว่าก้านดอกเข็ม) ฉีดสารอาหารที่จำเป็น ช่วยในการบำรุงผิว แร่ธาตุต่างๆ และกรดอะมิโน เข้าสู่ผิวหนังชั้นกลางโดยตรง
ส่วน เมโสหน้าใส คือ การทำเมโสประเภทหนึ่ง ที่ช่วยแก้ปัญหาการบำรุงผิวหน้าที่เห็นผลช้า เช่น การทาครีมทั่วไป เนื่องจากเป็นการทาครีมที่ผิวชั้นนอกเท่านั้น แต่การทำเมโสหน้าใสจะทำให้สารบำรุงผิวต่างๆ เข้าสู่ผิวชั้นกลางโดยตรง เป็นวิธีที่เห็นผลเร็วกว่าการทาครีมแบบเดิมครับ
เมโสหน้าใส ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
เนื่องจากการฉีดเมโสหน้าใส เป็นการฉีดสารบำรุงและวิตามินเข้าไปในผิวชั้นกลาง จึงช่วยทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น ชุ่มชื้นขึ้น หมอได้รวบรวมประโยชน์ของการฉีดเมโสหน้าใสไว้ ดังนี้
- ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
- ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น ขับสารพิษ
- ช่วยปรับให้ผิวหน้าขาว กระจ่างใส
- ช่วยลดสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ และสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ
- ช่วยทำให้รูขุมขนที่กว้าง เล็กลง
- ช่วยให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์
- ช่วยลดโอกาสการเกิดริ้วรอยใหม่บนใบหน้า
การฉีดเมโสหน้าใสอันตรายไหม?

การฉีดเมโสหน้าใส ถ้าฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ คลินิกได้มาตรฐานและใช้เมโสแท้ ก็มีความปลอดภัยครับ อันตรายที่เกิดจากการฉีดเมโสหน้าใส มักมาจากตัวยาที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือฉีดในคลินิกเถื่อน ซึ่งสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในบทความ ฉีดเมโสหน้าใส อันตรายไหม? เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียง มีข้อห้ามอะไรบ้างที่ควรรู้? ครับ
ผลข้างเคียงของการฉีดเมโสหน้าใส มีอะไรบ้าง?

หากเข้ารับการฉีดเมโสหน้าใสกับแพทย์ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน ผลข้างเคียงปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ คือ รอยแดง รอยเข็ม รอยช้ำเล็กน้อยในจุดที่ฉีด 2-3 วันก็จะค่อยๆ หายไปเอง ไม่ต้องกังวลครับ
อ่านเพิ่มเติม : ฉีดเมโสหน้าใส มี ผลข้างเคียง อะไรบ้าง?
เมโสหน้าใส เหมาะกับ

- คนที่ขี้เกียจทาครีม และต้องการเห็นผลรวดเร็ว
- คนที่ไม่มีเวลาดูแลตนเอง พักผ่อนน้อย
- คนที่ต้องการผลแบบเร่งด่วน ก็สามารถฉีดถี่ขึ้น 3 วัน/ครั้ง ได้ครับ
เมโสหน้าใสกับมาเด้ ต่างกันอย่างไร?
เมโสกับมาเด้ เป็นอีกข้อที่หลายคนยังสับสนอยู่ครับ ว่าแตกต่างกันอย่างไร เลือกแบบไหนดี แต่จริงๆ แล้ว ‘มาเด้’ เป็นหนึ่งในยี่ห้อยาฉีด ของการทำเมโสหน้าใส ซึ่งจุดเด่นของมาเด้ คือการช่วยขับสารพิษที่ตกค้างอยู่ในผิว ลดอาการแพ้ ผื่น ผิวอักเสบ และถือเป็นสูตรตัวยาที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันครับ
ก่อนหน้านี้หมอได้เขียนบทความ มาเด้ กับ เมโส ต่างกันยังไง ช่วยอะไรบ้าง? สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ครับ

การฉีดเมโสหน้าใสมีกี่แบบ?

(คุณสมบัติของสารต่างๆ ที่ประกอบอยู่ในมาเด้คอลลาเจน)
การฉีดเมโสหน้าใส มีหลายสูตร หลายยี่ห้อและมีเทคนิคในการฉีดแตกต่างกันครับ แต่หลักๆ แบ่งเป็น 3 สูตร ดังนี้
- เน้นหน้าขาวใส
สูตรนี้จะมีส่วนผสมของวิตามินต่างๆ ที่ช่วยให้ผิวขาวขึ้น เช่น vitamin ABCE, Transamin, Glutatione
- เน้นหน้าใส
สูตรเมโสหน้าใสจะมีส่วนผสมของคอลลาเจน และ โคเอนไซม์ เป็นหลักครับ ทั้งสองตัวจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวฟูขึ้น และช่วยกระชับรูขุมขน
- เน้นลดสิว-แก้ผื่น
เมโสยี่ห้อที่มีจุดเด่นด้านนี้ คือ มาเด้ คอลลาเจน จะช่วยลดการอักเสบ ขับสารพิษที่สะสมอยู่ในผิว และคอลลาเจนยังช่วยให้ต่อมไขมันทำงานลดลง ลดการเกิดสิวครับ
การฉีดเมโสหน้าใส 16 จุด ดีอย่างไร?

(ฉีดเมโสหน้าใส 16 จุด ตามทิศทางการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลือง)
เทคนิคการฉีดเมโสหน้าใส 16 จุด เป็นการฉีดตัวยาเมโสเข้าไปตามทิศทางการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลือง มีข้อดีคือ ตัวยาเข้าสู่ชั้นผิวได้เต็มที่ เห็นผลดีขึ้น มีรอยเข็มน้อยกว่า รอยช้ำน้อยกว่า และทำให้ตัวยาสามารถออกฤทธิ์ได้ยาวนานกว่า
อ่านเพิ่มเติม : ฉีดมาเด้คอลลาเจน 16 จุด คืออะไร? ยี่ห้อไหนดีที่สุด? ต่างจากเมโสหน้าใสอย่างไร?
การฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด

(การสะกิดเมโสหน้าใสจะเป็นรอยเข็มเล็กๆ ทั่วใบหน้า ในปัจจุบันไม่นิยมทำแล้วครับ)
การสะกิดเมโสหรือการฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิดนั้นเป็นวิธีแบบเก่าครับ มีผลข้างเคียงระหว่างฉีดได้ง่าย เช่น ถ้าระหว่างฉีดรักษาความสะอาดไม่เพียงพอ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อตามมา มีรอยแผลจากการสะกิดทั่วใบหน้า มีผื่นแดงจากรอยเข็ม หรือมีรอยช้ำ จึงไม่เป็นที่นิยมทำแล้วในปัจจุบันครับ
เมโสหน้าใส มีกี่ยี่ห้อ? แบบไหนดีที่สุด?
การฉีดเมโสหน้าใสเลือกยี่ห้อไหน แบบไหนดีที่สุด? ต้องแล้วแต่ปัญหาผิวของแต่ละคนครับ ก่อนฉีดควรให้หมอประเมินสภาพผิว ปัญหาผิวและเลือกสูตรเมโสหน้าใสที่เหมาะสมกับความต้องการให้ครับ
จุดเด่นของเมโสหน้าใสแต่ละยี่ห้อ
- มาเด้ คอลลาเจน – เน้นลดสิว ผดผื่น ขับสารพิษ
- Filorga – เน้นผิวขาวใส ลดฝ้า ช่วยบำรุงผิวแบบ premium
- Tensonez / Depigment – ลดปัญหาฝ้าบนใบหน้า ให้หน้าขาวใส
- Alpha albutin – เน้นลดฝ้าโดยตรง
ฉีดเมโสหน้าใสที่ไหนดี?

การฉีดเมโสหน้าใสให้เห็นผลและปลอดภัย ก่อนฉีดคนไข้ควรศึกษาข้อมูล เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้ตัวยาเมโสของแท้ และฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ครับ เพราะแพทย์จะสามารถประเมินปัญหาผิวและคำนวนปริมาณยาที่ต้องใช้ได้อย่างเหมาะสมครับ
ก่อนตัดสินใจฉีดเมโสหน้าใส สามารถอ่านบทความ ฉีดมาเด้ ที่ไหนดี เลือกคลินิกยังไง ให้หน้าใสอย่างปลอดภัย ได้ผลจริง หมอได้เขียนแนะนำการเลือกคลินิกไว้อย่างละเอียดครับ
ฉีดเมโสหน้าใส ราคาเท่าไหร่?
เมโสหน้าใส ราคาไม่แพงครับเมื่อเทียบกับหัตถการอื่น หรือเทียบกับการทาครีมแพงๆ ที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล สำหรับที่ V Square Clinic มีโปรโมชั่นคอร์ส เมโสหน้าใส ตามสูตรต่างๆ ดังนี้
- มาเด้ คอลลาเจน
ครั้งละ 2,500.- | คอร์สละ 9,900.-
- เมโสหน้าใส Filorga
ครั้งละ 5,000.- | คอร์สละ 20,000.-
- เมโสหน้าใส Tensonez / Depigment
ครั้งละ 3,500.- | คอร์สละ 15,000.-
- เมโสหน้าใส Alpha albutin
ครั้งละ 5,000.- | คอร์สละ 20,000.-

ฉีดเมโสหน้าใส ต้องทำกี่ครั้ง
การฉีดเมโสหน้าใสจะเห็นผลทันทีตั้งแต่ครั้งแรกครับ โดยหลังจากฉีดประมาณ 3 วัน ก็จะเริ่มเห็นผล ว่าผิวหน้าชุ่มชื้นขึ้น สุขภาพดีขึ้น แต่ถ้าไม่ฉีดต่อเนื่องและไม่ดูแลตัวเอง ผิวก็จะกลับคืนสู่สภาพเดิมครับ ปกติแล้วเมโสหน้าใส หมอจะแนะนำให้ฉีดอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ในเดือนแรก และหลังจากนั้นฉีดทุกๆ 2 อาทิตย์เพื่อคงสภาพผิวไว้ครับ
ฉีดเมโสหน้าใส กี่วันเห็นผล?

เมโสหน้าใส จะเริ่มเห็นผลประมาณ 3 วัน เห็นผลเต็มที่ประมาณ 7-14 วัน การทำเมโสหน้าใสไม่มีแบบถาวร และสารในเมโสหน้าใสสามารถสลายได้หมด 100% ไม่มีสารตกค้างครับ
เมโสหน้าใส คือ หัตถการที่ใช้เข็มกับใบหน้า หลายท่านจึงกังวล เพราะกลัวว่า จะเกิดอาการเจ็บจากเข็ม ปกติการทำเมโสจะแทงเข็มลงไปในชั้นผิว ลึกเพียง 5 – 10 มิลลิเมตรเท่านั้น จึงไม่เจ็บมาก อาจรู้สึกถึงความร้อนที่ผิวบ้างเพียงเล็กน้อย และไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา

คนไข้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำเมโสหน้าใส เพื่อพิจารณาปัญหาที่ต้องการแก้ไข ว่าสามารถใช้เมโสหน้าใส ช่วยได้อย่างไรบ้าง และแจ้งประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว ให้แพทย์ทราบ ผู้ที่ไม่ควรทำ Meso คือ สตรีมีครรภ์ หรือ สตรีที่กำลังให้นมบุตรครับ
ข้อดีของการ ฉีดเมโสหน้าใส
คนไข้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยไม่ต้องพักฟื้น เมโสหน้าใสจะเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เต็มประสิทธิภาพ ควรทำอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง และควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์
- เมโสหน้าใส จะไม่ทำให้ผิวบางลงเหมือนกับการทำเลเซอร์
- หลังการทำเมโสหน้าใส ช่วยทำให้แต่งหน้าง่ายขึ้น เครื่องสำอางติดทนมากขึ้น
- เมโสหน้าใส ช่วยให้ผิวแข็งแรง และสุขภาพผิวดีขึ้น
ข้อเสียของ เมโสหน้าใส
การฉีดเมโสหน้าใส เป็นหัตถการที่ไม่สามารถอยู่ได้ถาวรครับ และควรทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ถ้าใช้เทคนิคการฉีดไม่ถูกต้อง เช่น แพทย์แทงเข็มเข้าไปในชั้นผิวที่ลึกเกินไป จะเกิดแผลเป็นขึ้นบนใบหน้า หรือหากแทงเข็มตื้นเกิน จะทำให้ตัวยาลงไปในชั้นผิวได้น้อย จึงเห็นผลน้อย และตัวยาลดประสิทธิภาพลง
สามารถ Comment สอบถามเข้ามาด้านล่างได้เลยนะครับ หมอตอบเองครับ