สิวอักเสบ

สิวอักเสบ

สิวอักเสบเป็นปัญหาผิวหน้าที่ทั้งน่ารำคาญและส่งผลต่อความมั่นใจ ไม่เพียงแต่ปัญหาการอักเสบที่ทำให้รู้สึกไม่สบายผิวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัญหารอยแผลเป็นที่ตามมาซึ่งทำให้หลายคนกังวลด้วยครับ 

การรู้วิธีรักษาสิวอักเสบอย่างถูกต้อง และการเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดสิว เป็นกุญแจสำคัญในการดูแลผิวให้สุขภาพดีและป้องกันปัญหาสิวในระยะยาว ในบทความนี้หมอจะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการรักษาสิวที่เหมาะสม และวิธีป้องกันสิวอักเสบ เพื่อให้สามารถมีผิวหน้าที่เรียบเนียน สดใส ไร้ปัญหาสิวอักเสบอย่างยั่งยืน

สารบัญ สิวอักเสบ

  1. สิวอักเสบ
  2. ลักษณะของสิวอักเสบ
    1. นอกจากสิวอีกเสบมีสิวแบบไหนอีกบ้าง ?
  3. สิวอักเสบเกิดจากอะไร ?
  4. สิวอักเสบเกิดที่ไหนได้บ้าง ?
  5. เป็นสิวอักเสบรักษาอย่างไร ?
    1. วิธีรักษาสิวอักเสบด้วยยา
    2. วิธีรักษาสิวอักเสบด้วยแสงและเลเซอร์
  6. วิธีรักษาสิวอักเสบแบบเร่งด่วน
  7. วิธีรักษาสิวอักเสบไม่ให้มีรอยแผลเป็น
  8. วิธีป้องกันการเกิดสิวอักเสบ
  9. วิธีการปฏิบัติถ้าเป็นสิวอักเสบ ?

ลักษณะของสิวอักเสบ

ลักษณะของสิวอักเสบ
ลักษณะของสิวอักเสบ ที่จะมีอาการบวมแดงและมีหัวสิว

สิวอักเสบจะมีลักษณะโดดเด่น ที่แตกต่างจากสิวทั่วไป ดังนี้

  1. มีการอักเสบและบวมแดง สิวอักเสบมักแสดงอาการบวมแดงและมีความรู้สึกเจ็บหรือแสบร้อนที่บริเวณที่เกิดสิว
  2. มีหัวสิวหรือหนอง ในบางกรณีสิวอักเสบอาจมีหัวหนองที่ปลาย ซึ่งเป็นการสะสมของหนองและเซลล์ตาย
  3. สัมผัสแล้วเจ็บ สิวอักเสบมักมีความรู้สึกเจ็บเมื่อสัมผัสหรือกดเบา ๆ
  4. ขนาดใหญ่กว่าสิวปกติ สิวอักเสบมักมีขนาดที่ใหญ่กว่าสิวธรรมดา และอาจมีลักษณะบวมชัดเจน

ลักษณะเหล่านี้ทำให้สิวอักเสบสามารถสังเกตเห็นได้ง่าย และต้องการการดูแลรักษาที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการทิ้งรอยแผลเป็นหรือปัญหาผิวอื่น ๆ ที่อาจตามมาได้ครับ นอกจากนี้สิวอักเสบยังมีชื่อเรียกต่าง ๆ ตามลักษณะภายนอก เช่น

  • สิวอักเสบมีตุ่มนูนแดง (Papule) 
  • สิวอักเสบหัวหนอง (Pustule)
  • สิวอักเสบแดงเป็นก้อนลึก (Nodule)
  • สิวเป็นถุงขนาดใหญ่ใต้ผิวหนัง (Acne Cyst) 
  • สิวหัวช้าง (Acne Conglobata)

นอกจากสิวอีกเสบมีสิวแบบไหนอีกบ้าง ?

นอกจากสิวอักเสบแล้ว ยังมีสิวหลายประเภทที่สามารถเกิดขึ้นบนผิวหนัง แต่ละประเภทมีลักษณะและสาเหตุที่แตกต่างกัน

  • สิวเสี้ยน (Blackheads) : เป็นสิวที่เกิดจากรูขุมขนที่อุดตันด้วยน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ซึ่งโผล่ออกมาที่ผิวหน้า ทำให้เกิดจุดดำ
  • สิวหัวขาว (Whiteheads) : คล้ายกับสิวเสี้ยน แต่เป็นสิวที่อุดตันอยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดเป็นจุดขาว
  • สิวอุดตัน : สิวประเภทนี้เกิดจากรูขุมขนที่อุดตันและไม่มีการอักเสบ มักเกิดเป็นกลุ่มบนผิวหน้า
  • สิวประเภทอุดตันอักเสบ (Nodular) : เป็นสิวที่เริ่มจากรูขุมขนที่อุดตันแล้วพัฒนาเป็นการอักเสบ มีลักษณะเป็นบวมแดงและอาจมีหนอง
  • สิวหัวหนอง (Pustules) : เหมือนกับสิวประเภทอุดตันอักเสบ แต่มีหัวหนองที่ชัดเจนมากขึ้น
  • สิวซีสต์ (Cystic Acne) : เป็นสิวที่ลึกและใหญ่ มักเกิดการอักเสบอย่างรุนแรงและอาจทิ้งรอยแผลเป็น
สิวประเภทต่าง ๆ

การรู้จักและเข้าใจประเภทของสิวที่แตกต่างกัน เป็นสิ่งสำคัญในการวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาผิวของแต่ละบุคคลครับ


สิวอักเสบเกิดจากอะไร ?

สิวอักเสบเกิดขึ้นเมื่อรูขุมขนในผิวหนังถูกอุดตันด้วยน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว บางครั้งเชื้อแบคทีเรียที่อยู่บนผิวหนังอาจเข้าไปและทำให้เกิดการอักเสบ นำไปสู่สิวที่มีลักษณะแดงและบวม โดยสาเหตุมักมาจาก

  • การอุดตันของรูขุมขน : น้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายสะสมอุดตันรูขุมขน ทำให้เกิดสิว
  • การผลิตน้ำมันมากเกินไป : ต่อมน้ำมันในผิวหนังผลิตน้ำมันมากเกินปกติ ส่งผลให้เกิดสิว
  • แบคทีเรีย : แบคทีเรียชนิดหนึ่งที่เรียกว่า P. acnes สามารถเจริญเติบโตในรูขุมขนที่อุดตัน ทำให้เกิดการอักเสบ
  • การเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมน : การเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมน เช่น ในช่วงวัยรุ่น, การตั้งครรภ์, หรือการใช้ยาคุมกำเนิด สามารถกระตุ้นการผลิตน้ำมันและเกิดสิว
  • ความเครียด : ความเครียดสามารถเพิ่มระดับฮอร์โมนแอนโดรเจน ซึ่งกระตุ้นการผลิตน้ำมันในผิวหนัง
  • การระคายเคืองจากผลิตภัณฑ์บางชนิด : การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองผิว อาจทำให้เกิดสิวอักเสบได้

สิวอักเสบเกิดที่ไหนได้บ้าง ?

  • ใบหน้า เป็นที่ที่พบสิวอักเสบบ่อยที่สุด โดยเฉพาะบริเวณทีโซน (หน้าผาก, จมูก, และคาง) ซึ่งมีต่อมน้ำมันมาก
  • หลัง สิวที่เกิดบนหลังมักจะเป็นสิวที่ใหญ่และอักเสบ สาเหตุหลักมาจากการหลั่งของน้ำมันและการเสียดสีของเสื้อผ้า
  • อก พื้นที่นี้มักมีการระคายเคืองจากเสื้อผ้าและเหงื่อ ทำให้เกิดสิวอักเสบได้ง่าย
  • ไหล่และแขนบน ถึงแม้จะได้เกิดสิวอักเสบบ่อยเท่าพื้นที่อื่น ๆ แต่สิวอักเสบก็สามารถเกิดขึ้นได้ในบริเวณนี้ โดยเฉพาะเมื่อมีการสวมเสื้อผ้าที่รัดแน่น
  • บริเวณลำคอและใต้ศีรษะ บริเวณนี้อาจพบได้ไม่บ่อย แต่สิวอักเสบสามารถเกิดขึ้นได้ เนื่องจากการเสียดสีของเสื้อผ้าหรืออุปกรณ์เสริมที่สวมใส่
สิวอักเสบที่หลัง
สิวอักเสบสามารถเกิดขึ้นได้หลายที่ ไม่ใช่เฉพาะใบหน้าเท่านั้น

เป็นสิวอักเสบรักษาอย่างไร ?

วิธีรักษาสิวอักเสบด้วยยา

มีทั้งแบบยาทา ยาทาน และยาฉีด ที่จะช่วยลดอาการอักเสบของสิว ฆ่าแบคทีเรีย ลดความเจ็บปวดแล้วช่วยให้สิวยุบลง

รักษาสิวอักเสบด้วยยา
  • เบนโซอิล เพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) : ยานี้ช่วยฆ่าแบคทีเรียและลดการอักเสบ มักใช้สำหรับรักษาสิวอักเสบระดับเบาถึงปานกลาง
  • รีตินอยด์ (Retinoids) : รีตินอยด์ เช่น เทรติโนอิน และอะดาพาลีน, ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนและลดการอักเสบ
  • แอนติไบโอติก : แอนติไบโอติกทางปาก เช่น โดกซีไซคลิน หรือ มิโนไซคลิน, อาจถูกสั่งใช้เพื่อรักษาสิวอักเสบที่รุนแรงหรือสิวที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่น ๆ
  • กรดอะซีลิก (Azelaic Acid) : กรดอะซีลิกช่วยลดการอักเสบและมีคุณสมบัติในการต่อต้านแบคทีเรีย
  • สปิโรโนแลคโตน (Spironolactone) : สำหรับผู้หญิง สปิโรโนแลคโตนอาจช่วยในการควบคุมการผลิตน้ำมันของผิว โดยลดผลของฮอร์โมนแอนโดรเจน
  • ฮอร์โมนบำบัด : การใช้ยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนที่เหมาะสมสามารถช่วยลดการเกิดสิวในผู้หญิง

*ทั้งนี้การใช้ยาเพื่อรักษาสิวอักเสบควรอยู่ในความดูแลของแพทย์และผู้เชี่ยวชาญครับ

วิธีรักษาสิวอักเสบด้วยแสงและเลเซอร์

วิธีรักษาสิวอักเสบด้วยแสงและเลเซอร์

การรักษาสิวอักเสบด้วยแสงและเลเซอร์เป็นหนึ่งในวิธีการรักษาที่ทันสมัยและได้รับความนิยมครับ วิธีนี้ใช้พลังงานแสงเพื่อจัดการกับสิวอักเสบและลดปัญหาผิวที่เกี่ยวข้อง เทคนิคนี้ใช้แสงเฉพาะทางเพื่อลดการอักเสบและฆ่าแบคทีเรียในรูขุมขน เช่น

  • การใช้แสงที่มีความยาวคลื่นเฉพาะ : การรักษานี้ใช้แสงที่มีความยาวคลื่นเฉพาะทางเพื่อทำลายแบคทีเรีย P. acnes ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของสิวอักเสบ แสงเหล่านี้ยังช่วยลดการอักเสบและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
  • การใช้เลเซอร์ : เลเซอร์ที่มีความเข้มข้นสูงสามารถใช้เพื่อลดการอักเสบของสิวและส่งเสริมการซ่อมแซมผิวหนัง และบางประเภทของเลเซอร์ยังสามารถช่วยลดการผลิตน้ำมันในผิวหนังได้
  • การรักษาด้วยแสงพัลซ์ไดออด (Pulsed Dye Laser) : วิธีนี้ใช้เลเซอร์เพื่อลดอาการอักเสบและช่วยให้รอยแดงจากสิวลดลง
  • การรักษาด้วยแสงอินฟราเรด : แสงอินฟราเรดสามารถใช้เพื่อลดการอักเสบและลดขนาดของต่อมน้ำมันในผิวหนัง

*การรักษาด้วยแสงและเลเซอร์ต้องทำภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ
และอาจต้องทำหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด


วิธีรักษาสิวอักเสบแบบเร่งด่วน

รักษาสิวอักเสบเร่งด่วนด้วยการฉีดยาใต้ผิวหนัง

วิธีรักษาสิวอักเสบแบบเร่งด่วน สามารถทำได้ด้วยการฉีดยาใต้ผิวหนัง สำหรับสิวที่อักเสบรุนแรง แพทย์อาจเลือกใช้วิธีการฉีดสเตียรอยด์ในปริมาณที่เหมาะสม เข้าไปในบริเวณสิวเพื่อลดการอักเสบอย่างรวดเร็วครับ แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นสิวอักเสบรุนแรง แนะนำให้รักษาด้วยวิธีการปกติ หายได้เหมือนกันครับ


วิธีรักษาสิวอักเสบไม่ให้มีรอยแผลเป็น

  • การรักษาสิวอักเสบอย่างถูกวิธี หลีกเลี่ยงการบีบหรือแกะสิว เนื่องจากสามารถทำให้เกิดการอักเสบและรอยแผลเป็นได้ ใช้ยาและผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับประเภทของสิว
  • การใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของรีตินอยด์หรือกรดอะซีลิก สารเหล่านี้ช่วยในการสร้างเซลล์ผิวใหม่และลดการเกิดรอยแผลเป็น
  • การป้องกันผิวจากแสงแดด แสงแดดสามารถทำให้รอยแผลเป็นและจุดด่างดำเป็นสีเข้มมากขึ้น การใช้ครีมกันแดดเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันผิว
  • การทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยน การทำความสะอาดผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและไม่ระคายเคืองช่วยให้ผิวไม่เกิดการอักเสบ
  • การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ อาหารที่มีวิตามิน C, E และสังกะสีช่วยในการซ่อมแซมและบำรุงผิวหนัง
  • การรักษาด้วยเลเซอร์หรือแสง ในกรณีที่มีรอยแผลเป็นจากสิวอักเสบ การรักษาด้วยเลเซอร์หรือแสงอาจช่วยลดรอยแผลเป็นและปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนได้
ห้ามกดสิวด้วยตัวเอง เพราะจะทำให้เกิดรอยแผลเป็น
หากไม่อยากให้มีรอยแผลเป็นจากสิว ไม่ควรกดหรือบีบสิวด้วยตนเอง

วิธีป้องกันการเกิดสิวอักเสบ 

การป้องกันสิวเป็นเรื่องของการดูแลผิวอย่างถูกต้องและการมีไลฟ์สไตล์ที่ดีต่อสุขภาพครับ

  1. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดีต่อสุขภาพ : อาหารที่มีไขมันสูงและน้ำตาลมากอาจทำให้เกิดสิวได้ง่าย 
  2. ออกกำลังกายเป็นประจำ : ช่วยลดความเครียดและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
  3. การนอนหลับที่เพียงพอ : ช่วยให้ผิวซ่อมแซมตัวเองได้ดียิ่งขึ้น ลดความมัน ลดการเกิดสิว
  4. เสริมวิตามินและแร่ธาตุ : การฉีดวิตามินให้ผิวหนัง สามารถช่วยเสริมสร้างสุขภาพผิวจากภายใน วิตามินที่มีประโยชน์ในการป้องกันสิวอาจรวมถึงวิตามิน A, C และ E รวมถึงแร่ธาตุเช่นสังกะสี
  5. กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน : วิตามิน C เป็นที่รู้จักในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ซึ่งสามารถช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและลดการเกิดรอยแผลเป็นจากสิวได้
V Square Tips

การฉีดมาเด้คอลลาเจน (made collagen), เมโสหน้าใส สามารถช่วยฟื้นฟูสุขภาพผิว ขับสารพิษที่ตกค้างอยู่ในผิว ลดผิวอักเสบและลดผื่นแพ้ ลดสิวได้ โดยจะมีส่วนประกอบของสารบำรุง เช่น Vitamin A, B, C, E Transamin, Glutatione ควรฉีดอย่างต่อเนื่อง 1 ครั้ง1 ต่อสัปดาห์ โดยฉีดติดต่อกันฉีด 5 ครั้ง ขึ้นไป จะเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน

เมโสหน้าใสช่วยลดการอักเสบของผิว ลดสิว ขับสารพิษ

วิธีการปฏิบัติถ้าเป็นสิวอักเสบ ?

  1. การทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยน ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนกับผิว และเหมาะกับผิว
  2. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสิวอักเสบ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยลดการอักเสบ เช่น เบนโซอิล เพอร์ออกไซด์ หรือกรดซาลิไซลิค
  3. หลีกเลี่ยงการแตะหน้าบ่อย ๆ มือของเรามักจะเต็มไปด้วยแบคทีเรียที่สามารถทำให้สิวแย่ลง
  4. หลีกเลี่ยงการบีบหรือแกะสิว การบีบหรือแกะสิวสามารถทำให้การอักเสบและสถานการณ์แย่ลง และยังเพิ่มโอกาสในการเกิดรอยแผลเป็น
  5. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวแห้งเกินไป เพราะการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวแห้งมากเกินไปอาจทำให้ผิวระคายเคืองและทำให้สิวอักเสบแย่ลง
  6. ใช้ครีมหรือเจลลดการอักเสบ ครีมหรือเจลที่มีส่วนผสมของไฮโดรคอร์ติโซนอาจช่วยลดอาการอักเสบของสิว

สรุป

การรักษาสิวอักเสบให้หายโดยไม่ทิ้งรอยแผลเป็น สามารถทำได้โดยการใช้วิธีการรักษาที่เหมาะสมและการเสริมด้วยวิตามินผิว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมช่วยลดการอักเสบ และส่งเสริมการซ่อมแซมผิวก็เป็นสิ่งสำคัญครับ เช่น วิตามินเช่นวิตามิน A, C และ E ที่มีบทบาทในการซ่อมแซมผิวหนัง ลดการอักเสบ และป้องกันการเกิดรอยแผลเป็น การบำรุงด้วยวิตามินเหล่านี้ ทั้งการทานและการฉีดผิวโดยตรง สามารถช่วยให้ผิวหน้าสดใส แข็งแรง และลดโอกาสของการเกิดสิวในอนาคตได้


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง Inbox Facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

Banner_Web_หมอให้คำปรึกษา_หมอ34คน

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ สามารถศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัวและจัดการความเป็นส่วนตัว ได้ที่ปุ่มตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า