Hifu (ไฮฟู่)

Hifu ยกกระชับผิว ยิ่งทำ ยิ่งเห็นผล

จากผลสำรวจจากกระแสความงามในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา พบว่า “Hifu” ติด Top 3 หัตถการที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทยครับ

ด้วยจุดเด่นเรื่องการยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด เห็นผลเร็ว ไม่ต้องพักฟื้น และมีราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้หลายคนเลือกใช้เป็นทางลัดเพื่อฟื้นฟูผิวให้แน่น หน้าดูเด็กลงครับ

สำหรับใครที่สนใจทำ Hifu บทความนี้หมอรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการทำ Hifu ที่ควรรู้มาไว้ทั้งหมด ทำไมแต่ละคลินิกราคาทำไฮฟูถึงต่างกัน ? เครื่อง Hifu แต่ละคลินิกเหมือนกันหรือไม่ ? ต้องเลือกอย่างไร ถึงเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ไม่เสี่ยง คุ้มค่าคุ้มราคา คนไข้สามารถศึกษาข้อมูลเหล่านี้ ก่อนตัดสินใจ เพื่อผลลัพธ์ที่สวยและปลอดภัยครับ

Hifu คืออะไร? ทำไม? Hifu Ultraformer III ยิ่งทำต่อเนื่องยิ่งได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
วิดีโอวีสแควร์

สารบัญ Hifu


Hifu คืออะไร ? ทำไมถึงได้รับความสนใจ ?

Hifu คืออะไร ?

Hifu ย่อมาจาก High Intensity Focus Ultrasound เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวโดยใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง ยิงลงลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นผิวเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการดึงหน้าครับ

ซึ่งจุดเด่นของ Hifu ที่ทำให้ได้รับความสนใจ คือ

  • เห็นผลทันที 20% หลังทำ และชัดเจนเต็มที่ใน 2-3 เดือน
  • ปลอดภัย แม่นยำ ไม่ทำลายเนื้อเยื่อโดยรอบ อ่อนโยนแม้ผิวบริเวณใต้ตา
  • สามารถใช้ได้บริเวณใบหน้า เหนียง คอ ต้นแขน และต้นขา
  • ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน ทำให้ผิวหน้ายืดหยุ่นมากขึ้น
  • ช่วยลดริ้วรอย กระชับรูขุมขน ผิวเนียนนุ่มขึ้น หน้าเรียบเนียนใสอย่างเป็นธรรมชาติ
  • ช่วยลดเหนียง คางสองชั้น มีกรอบหน้าชัด หน้าเรียว V Shape
  • เป็นเครื่องมือที่ไม่ต้องฉีด ไม่ต้องผ่า ไม่มีแผลเป็น จึงเห็นดาราหลาย ๆ คนเลือกใช้ Hifu
  • ก่อนทำไม่ต้องเตรียมตัวมาก หลังทำสามารถใช้หน้าได้เลย ไม่ต้องพักฟื้น

วิธีการทำงานของ Hifu Macrofocus

วิธีการทำงานของ Hifu

การทำงานของ Hifu (High Intensity Focused Ultrasound) อาศัยพลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง ส่งพลังงานลงไป แบบเฉพาะจุด (Focused Point) โดยไม่กระทบต่อผิวชั้นบน แต่จะ “โฟกัสพลังงาน” ไปยัง ชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นผิวหนังลึกสุดที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า

เมื่อพลังงานถูกส่งลงไปยังชั้น SMAS จะเกิดความร้อนประมาณ 65-70°C ทำให้ชั้นผิวหดตัว และกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ในบริเวณนั้นอย่างต่อเนื่อง โดยจะรู้สึกหน้ายกกระชับขึ้น หลังจากนั้น 3-4 เดือน จะเห็นผลชัดเจนเต็มที่ ยิ่งทำยิ่งได้ผลลัพธ์ดีขึ้นครับ


ทำ Hifu ได้ตอนอายุเท่าไหร่ ?

เมื่ออายุมากขึ้นคอลลาเจนจะลดลง

โดยทั่วไปแล้ว การทำ Hifu สามารถเริ่มได้ตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไปครับ เพราะเมื่ออายุเพิ่มขึ้น คอลลาเจนในชั้นผิวหนังจะลดลงเฉลี่ย 1.5% ต่อปี ส่งผลให้ผิวเริ่มแห้ง หยาบ ไม่กระชับ โครงสร้างผิวอ่อนแอลง ผิวเริ่มหย่อนคล้อยเล็กน้อย แม้จะยังมองไม่เห็นชัดเจนก็ตาม

ดังนั้นการเริ่มดูแลผิวด้วย Hifu ตั้งแต่อายุยังน้อยจะช่วยชะลอความหย่อนคล้อย และป้องกันไม่ให้ผิวเสื่อมมากเกินไปในอนาคตครับ

อายุไม่ถึง 25 ทำ hifu ได้ไหม ?

อายุยังไม่ถึง 25 ปี ก็สามารถทำ Hifu ได้ครับ เพราะยิ่งอายุมากขึ้นใบหน้าเราก็จะยิ่งหย่อนลงเรื่อย ๆ การทำ Hifu ตั้งแต่อายุยังน้อย จะช่วยชะลอการหย่อนของผิวและการเกิดริ้วรอย โดยเฉพาะบริเวณร่องแก้ม ใต้ตา ร่องมุมปาก และหากทำ Hifu อย่างต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ก็จะยิ่งรักษาผลลัพธ์ใบหน้าอ่อนเยาว์ไว้ได้นานขึ้นครับ


เครื่อง Hifu มีกี่แบบ ?

Hifu แต่ละยี่ห้อ ต่างกันอย่างไร

ในปัจจุบันเครื่อง Hifu มีหลากหลายยี่ห้อและรุ่นให้เลือกใช้ ซึ่งแต่ละแบบก็มีคุณสมบัติ พลังงาน และผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป โดยสามารถแบ่งประเภทได้ตาม 4 ปัจจัยหลัก ดังนี้ครับ

1. แบ่งตามระดับพลังงาน (Micro-Focused vs Macro-Focused)

  • Micro-Focused Ultrasound ส่งพลังงานเป็นจุดเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 0.5 mm
    เหมาะกับบริเวณผิวบาง เช่น ใต้ตา หน้าผาก หรือบริเวณที่ต้องการความแม่นยำสูง
  • Macro-Focused Ultrasound ส่งพลังงานเป็นจุดใหญ่กว่า ขนาด 1 mm
    เหมาะกับบริเวณที่ต้องการยกกระชับมาก เช่น แก้ม เหนียง คอ เห็นผลชัดเจนและอยู่ได้นาน เครื่อง Hifu ที่ใช้พลังงานนี้ เช่น Ultraformer III, Ultraformer MPT

2. แบ่งตามรูปแบบการยิงพลังงาน

  • Single Shot 1 ครั้ง = 1 จุดพลังงาน (มักพบในเครื่องเกรดต่ำ หรือเครื่องจีนราคาถูก)
  • Line Shot 1 ครั้ง = พลังงานเรียงตัวกันเป็นเส้น แต่ละเส้นมีประมาณ 15–25 จุด หรือบางรุ่นอาจมากถึง 417 จุด ทำให้ครอบคลุมพื้นที่ได้มากกว่า เจ็บน้อยกว่า เห็นผลลัพธ์ดีกว่า

Hifu ที่ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัย เป็นที่นิยมและแพทย์ยอมรับ ก็มีหลายเกรดครับ โดยยี่ห้อที่ดีที่สุดคือ Ulthera และ Ultraformer III ครับ นอกจากนี้ก็จะมีเครื่อง Hifu จีน เกาหลียี่ห้ออื่น ๆ แตกต่างกันไปตามค่าพลังงาน ทำให้ราคาค่าใช้จ่ายในแต่ละคลินิกมีราคาที่ต่างกัน

3. แบ่งตามประเทศผู้ผลิต

  • เครื่อง Hifu จากอเมริกา เช่น Ulthera ซึ่งเป็นเครื่องรุ่นต้นตำรับดั้งเดิม ได้รับการยอมรับทั่วโลก
  • เครื่อง Hifu จากเกาหลี เช่น Ultraformer III ที่ผ่านการรับรอง CE จากยุโรป มีความแม่นยำ ปลอดภัย เหมาะกับคนไทย
  • เครื่อง Hifu จีน (No Brand / Clone) ราคาถูก มักนำมาใช้ในโปรโมชั่นแบบ “Hifu บุฟเฟ่ต์” ที่ไม่มีการจำกัด shot/line พลังงานไม่คงที่ เสี่ยงผิวไหม้ หน้าเบี้ยว ผลลัพธ์ไม่น่าเชื่อถือ

Hifu มีกี่ยี่ห้อ เครื่องไหนที่ได้รับความนิยมสุด ?

เครื่อง Hifu มีหลายยี่ห้อครับ แต่ที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย เป็นที่นิยมและแพทย์ยอมรับ ก็มีหลายเกรด โดยยี่ห้อที่ดีที่สุดคือ Ulthera และ Ultraformer III ครับ รองลงมาคือ exilis, smazlift เป็นต้น ทำให้ราคาค่าใช้จ่ายในแต่ละคลินิกมีราคาที่ต่างกัน

Ulthera

Ulthera เป็นเครื่อง Original ซึ่งพลังงานจะสูงกว่า Hifu Macrofocus 2 เท่า ทำให้อยู่ได้นานกว่า 2 เท่าครับ ขณะทำจะรู้สึกเจ็บกว่า Hifu และมีราคาแพงกว่า

จุดเด่นของเครื่อง Ulthera คือ จะมีหน้าจอเพื่อระบุความลึกของการยิง เพื่อให้ยิงพลังงานลงในชั้น SMAS ได้แม่นยำมากขึ้น ไม่ก่อให้ผลกระทบกับผิวบริเวณข้างเคียง จึงทำให้มีความปลอดภัยสูง ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะ Ulthera Prime เครื่องยกกระชับผิวรุ่นล่าสุดที่ได้มีการอัปเกรดและพัฒนาในหลาย ๆ ฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากขึ้นครับ

ทำความรู้จัก Ulthera แบบเจาะลึกทุกควรรู้ คลิก!

Ulthera เจาะลึก

อ่านบทความเพิ่มเติม : ทำ Ulthera ที่ไหนดี? มีวิธีเลือกอย่างไรให้เห็นผลลัพธ์คุ้มค่ามากที่สุด และปลอดภัย

Ultraformer III

Ultraformer III เป็น Hifu ที่ดีที่สุดรองจาก Ulthera เนื่องจากพลังงานเป็น Macrofocus และมีรอบพลังงานไวที่สุดจึงเจ็บน้อยลง สามารถใช้พลังงานได้สูงเต็มที่ และระหว่างที่ยิงพลังงานจะคงที่ ผ่านการรับรองมาตรฐานจากยุโรป เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีริ้วรอย มีร่องใต้ตา ร่องแก้มที่ไม่ลึกมาก และไม่ต้องการฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อก ราคายังไม่แพงมาก ทำได้บ่อยครั้ง

นอกจากนี้เครื่อง Ultraformer III ยังมีนวัตกรรมใหม่ล่าสุด สุดยอดเทคโนโลยี MF 2 macro focus ultrasound ที่เป็นหัวยิงรุ่นใหม่ล่าสุด อย่างหัวยิง Cherry Pink ซึ่งจะเป็นหัวยิงที่ใช้ได้เฉพาะเครื่อง Hifu Ultraformer III รุ่น Top เท่านั้นถ้าเป็นรุ่นรองก็จะไม่สามารถใช้หัวนี้ได้ครับ

Sygmalift

Sygmalift เป็นเครื่อง Hifu ที่ใช้เทคโนโลยี Fractionated HIFU (High Intensity Focused Ultrasound)

โดยแตกต่างจาก Hifu ทั่วไปตรงที่ใช้พลังงานอ่อนโยนกว่า เน้นการปล่อยคลื่นเสียงแบบ Low Intensity ผ่านหัวยิงขนาดเล็ก พลังงานต่ำ ผลลัพธ์ด้าน “การยกกระชับ” จึงไม่ชัดเท่า Ultraformer หรือ Ulthera ครับ

Exilis / Smazlift / Liftera

เครื่อง Hifu กลุ่มนี้ถือเป็น Hifu เกรดกลาง ค่าพลังงานที่ยิงจะไม่สูงมาก บางรุ่นใช้คลื่นวิทยุผสมกับคลื่นเสียง เหมาะกับการกระตุ้นผิวเฉพาะจุด หรือทำร่วมกับหัตถการอื่นครับ


Hifu บุฟเฟ่ต์ คืออะไร ? คุ้มไหม ?

Hifu บุฟเฟ่ต์ คือ แพ็กเกจที่คลินิกเสนอให้สามารถยิง Hifu ได้ไม่จำกัดจำนวนช็อตหรือไลน์ในราคาตายตัว ที่หมอเห็นบ่อย ก็จะมีราคา 999.- บ้าง 2,999.- บ้าง โดยที่ไม่ได้บอกว่าใช้เครื่องยี่ห้ออะไร พลังงานเท่าไหร่ ซึ่งฟังดูเหมือนคุ้มค่ามาก แต่ความจริงแล้วต้องระวังและทำความเข้าใจให้ดีก่อนครับ

เหตุผลที่หมอให้ระวัง เพราะการทำ Hifu อย่าง Ultraformer III หรือ Ulthera จะมีต้นทุนหัวยิง (Handpiece) ที่สูงมาก และมีการจำกัดจำนวน Line ต่อหัว เช่น 300–500 ไลน์ต่อหัว หากยิงหมดต้องเปลี่ยนหัวใหม่ทันที

ดังนั้น… การโฆษณาว่าทำ “ไม่จำกัดช็อต” ในราคาหลักร้อยถึงหลักพัน มีความเป็นไปได้สูงว่า

  • ใช้เครื่อง Hifu ปลอม หรือเครื่องเลียนแบบ
  • พลังงานไม่สเถียร บางจุดร้อนเกินไป บางจุดพลังงานต่ำเกินไป ทำให้เสี่ยงผิวไหม้ หน้าไม่เท่ากัน
  • ทำแล้วไม่เห็นผล หรืออยู่ได้แค่ช่วงสั้น ๆ

สำหรับคนที่สนใจทำ Hifu จำเป็นต้องรู้ข้อมูลว่าคลินิกนั้น ๆ ใช้เครื่อง Hifu ยี่ห้ออะไร ? คุณภาพดีไหม ? เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และให้ได้ผลคุ้มค่า ตามราคาที่จ่ายอย่างไม่ผิดหวังครับ

V Square Tips

หมอแนะนำ : คำว่า ‘คุ้ม’ ไม่ได้อยู่ที่ราคาถูกที่สุด แต่อยู่ที่ผลลัพธ์ ความปลอดภัย และระยะเวลาที่อยู่ได้
เพราะการยกกระชับผิวคือเรื่องระยะยาว อย่าประหยัดในสิ่งที่ต้องแก้ไขทีหลังด้วยต้นทุนที่แพงกว่าเดิมครับ”


Hifu เหมาะกับใครบ้าง ?

Hifu สามารถทำได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงครับ โดยเฉพาะคนที่กลัวเข็ม กลัวการผ่าตัด ไม่มีเวลาพักฟื้น รวมถึงคนมีปัญหาผิวดังนี้

  • ผู้ที่มีผิวเริ่มหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง เช่น ร่องแก้มเริ่มลึก แก้มตก เหนียงเริ่มมา หรือหนังตาเริ่มตก
  • ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียว กรอบหน้าชัดขึ้น โดยเฉพาะคนที่มีเหนียงหรือแนวกรามไม่คมชัด
  • ผู้ที่มีริ้วรอยเล็ก ๆ หรือรูขุมขนกว้าง เช่น ริ้วรอยรอบดวงตา ร่องมุมปาก หรือหน้าผาก
  • ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป เพราะเป็นช่วงที่คอลลาเจนเริ่มลดลง และผิวเริ่มเสื่อมสภาพตามธรรมชาติ
  • ผู้ที่อยากดูเด็กลง ยกกระชับใบหน้าแบบธรรมชาติ

Hifu ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?

ไม่ใช่แค่หัตถการที่ช่วย “ยกหน้า” เท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ครอบคลุมหลายด้าน ทั้งเรื่องความกระชับของผิว การลดริ้วรอย ไปจนถึงช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้ดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติด้วยครับ เช่น

  • ช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยของผิว ใบหน้า แก้ม ลำคอ ลำตัว
  • ช่วยลดริ้วรอยเล็ก ๆ บนผิวหน้า โดยเฉพาะบริเวณร่องแก้ม หางตา ร่องใต้ตา
  • ช่วยแก้ปัญหาหนังตาตก ทำให้คิ้วยกขึ้น ดวงตาโต
  • ช่วยลดไขมันใต้คาง ลดเหนียง ลดคาง 2 ชั้น
  • เพิ่มความคมชัดของกรอบหน้า เห็นแนวกรามชัดขึ้น
  • ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ทำให้ผิวแน่น ฟู
  • ช่วยยกกระชับผิว โดยทำได้ทั้งบริเวณเอว, หน้าท้อง, สะโพก, ต้นแขน, ท้องแขน, ต้นขา, หน้าอก รวมถึงบริเวณที่ยากจะเข้าถึง Hifu จึงเหมาะกับทุกคนที่มีปัญหาเรื่องรูปร่าง
V Square Tips

รู้หรือไม่ ? : จากผลการศึกษาในปี 2017 (Efficacy and safety of non-invasive body tightening with high-intensity focused ultrasound) แสดงให้เห็นว่า Hifu ช่วยปรับปรุงความยืดหยุ่นของผิวบริเวณแก้ม หน้าท้องส่วนล่าง และต้นขาได้อย่างมีนัยสำคัญหลังจากการทำ 12 สัปดาห์ โดยรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของผิวที่ดีขึ้น และไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงในช่วงติดตามผล


Hifu ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง ?

Hifu ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง

Hifu สามารถยิงได้ทุกบริเวณที่ต้องการให้กระชับขึ้นครับ โดยจะมีหัวที่ยิงหลากหลายตามระดับความลึกของผิวในบริเวณนั้น ๆ จุดที่ยิงแล้วเห็นผลชัดเจนแยกเป็น 2 ส่วน ได้แก่

ใบหน้า

  • รอบดวงตา ใต้ตา ช่วยลดริ้วรอยเล็ก ๆ รอบดวงตา ลดถุงใต้ตา
  • ร่องแก้ม มุมปาก ช่วยลดริ้วรอยร่องแก้ม ร่องมุมปากให้จางลง
  • กรอบหน้า ช่วยปรับให้กรอบหน้าเรียว กระชับขึ้น กรอบหน้าชัด
  • คิ้ว หางตา ช่วยยกคิ้ว ยกหางตา แก้ปัญหาหนังตาตก
  • หน้าผาก แก้ม ช่วยกระชับผิวหน้า ยกแก้มที่หย่อนคล้อย
  • คาง ลำคอ ช่วยลดเหนียง คางสองชั้น กระชับผิวบริเวณลำคอ

ร่างกาย

  • ต้นแขน ต้นขา ช่วยกระชับต้นแขน ต้นขา
  • เอว หน้าท้อง แก้ปัญหาผิวย้วยบริเวณเอว หน้าท้องกระชับขึ้น
  • สะโพก กระชับผิวบริเวณสะโพก ไม่ให้เป็นเนื้อย้วย ๆ

Hifu/Ulthera/Thermage ต่างกันยังไง ?

Hifu_Ulthera_Thermage ต่างกันยังไง

แม้ว่า Hifu, Ulthera และ Thermage จะเป็นเทคโนโลยีในกลุ่ม “ยกกระชับผิวหน้าแบบไม่ผ่าตัด” แต่ทั้ง 3 เครื่องนี้ มีหลักการทำงานแตกต่างกัน โดยเฉพาะชนิดพลังงาน, ระดับความลึกของผิวที่ยิงถึง, ผลลัพธ์และความรู้สึกขณะทำครับ

โดยเฉพาะ Hifu ธรรมดาจะ focus จุดขนาดเล็ก 0.3-0.5 mm ซึ่งไม่สามารถทำก้อนพลังงานขนาดใหญ่ได้ เพราะประสิทธิภาพของเครื่องต่ำ เมื่อทำ focus ใหญ่ การส่งค่าพลังงานจะไม่คงที่และมีความเสี่ยงที่จะทำให้ผิวไหม้ได้

Ultraformer III

Hifu macrofocus เป็นจุดไข่ปลาเล็ก ๆ ขนาด 0.5-1 mm พลังงานคงที่ เด่นในเรื่องยกกระชับ เจ็บพอดี ๆ ราคาคุ้มค่า

Ulthera

Ulthera focus เป็นจุดขนาด 1 mm และมีหน้าจอในการดูระดับความลึกของจุดที่ยิงลงไป ขณะทำเจ็บกว่า Hifu ถ้าทนไหวจะอยู่ได้ 1 ปี ถ้าเจ็บหมอก็จะปรับพลังงานลง ผลที่ได้ไม่ต่างจาก Hifu macrofocus มากครับ แต่ราคาสูงกว่า

Thermage

Thermage จะยิงความร้อนเป็นก้อนขนาดใหญ่ 3-4 cm2 ลงใต้ผิว ทำให้เกิดการหดตัวในทุกทิศทาง พลังงานจะครอบคลุมพื้นที่ได้ดีกว่าแบบจุด ค่อนข้างเจ็บมาก ครอบคลุมทุกอณู แต่ไร้ทิศทาง เด่นในเรื่องของการลดเนื้อไขมันและเพิ่ม skin quality ริ้วรอย รูขุมขนเล็กลง มากกว่าการยกกระชับ


เปรียบเทียบ ยกกระชับผิวด้วย Hifu/ร้อยไหม/เมโสแฟต อะไรดีกว่ากัน ?

Hifu ร้อยไหม และเมโสแฟต ทั้ง 3 หัตถการนี้เป็นที่นิยมมากในการยกกระชับ ปรับรูปหน้า โดยแต่ละวิธีเหมาะกับปัญหาที่แตกต่างกัน และให้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกัน เพื่อให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น มาดูเปรียบเทียบกันแบบชัด ๆ ครับ

  • Hifu เป็นเทคโนโลยีการยกกระชับที่ถูกออกแบบมาให้สามารถกระตุ้น Collagen ได้ในทุกชั้นของผิว สามารถแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยของผิวได้โดยตรง และป้องกันความหย่อนคล้อยของผิวในอนาคตได้ด้วย เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีริ้วรอยเล็กน้อย ร่องใต้ตา ร่องแก้มไม่ลึกมาก และไม่ต้องการฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อก
  • ร้อยไหม เป็นการใช้เข็มนำเส้นไหมละลายที่มีเงี่ยงสอดลงในชั้นผิวหนัง โดยจะมีจุดที่ดึงบริเวณแก้มส่วนล่างและจุดที่ยึดอยู่บริเวณขมับดึงเข้าหากันจึงสามารถดึงแก้มที่หย่อนขึ้นได้ สามารถแก้ปัญหาแก้มย้อย แก้มห้อยได้ทันที เหมาะสำหรับคนที่แก้มหย่อนมาก ๆ
  • ฉีดเมโสแฟต (Meso Fat) เป็นการฉีดตัวยาที่ช่วยสลายไขมันลงในชั้นไขมัน สามารถฉีดลดแก้ม ลดเหนียง แก้ปัญหาแก้มย้อย แก้มห้อย ที่มีสาเหตุจากไขมันได้ เหมาะสำหรับคนที่มีแก้มหรือเหนียงมากหรือต้องการลดสัดส่วนไขมันในบางจุด

ในกรณีที่ต้องการยกหน้าให้เต่งตึง ลดริ้วรอย เพื่อให้ดูอ่อนกว่าวัย ยังมีหัตถการอื่น ๆ เช่น การฉีดฟิลเลอร์ และการฉีดโบท็อกปรับรูปหน้า ซึ่งใครเหมาะกับหัตถการใด แพทย์จะช่วยประเมินว่าในบริเวณที่ต้องการแก้ไข วิธีใดเหมาะสมหรือแนะนำให้ทำคู่กัน 2 หรือ 3 หัตถการ เพื่อให้ได้ผลไวขึ้นได้ครับ


Mini Hifu ได้ผลจริงไหม ?

Mini Hifu คืออุปกรณ์ยกกระชับผิวขนาดเล็กที่สามารถใช้เองที่บ้านได้ มีราคาตั้งแต่หลักพันต้น ๆ ไปจนถึงหลักหมื่นก็มีครับ เหมาะกับคนที่ต้องการความสะดวกและประหยัดงบ ซึ่งแต่ละยี่ห้อมักมีการโฆษณาว่า “ลดแก้ม เหนียง กระตุ้นคอลลาเจนได้ ไม่จำกัด shot ให้ผลลัพธ์เทียบเท่าคลินิก”

แต่ในความจริงแล้ว ประสิทธิภาพของ Mini Hifu ไม่สามารถเทียบกับเครื่อง Hifu ที่ใช้ในคลินิกได้เลย เพราะ…

  • ปล่อยพลังงานได้เบากว่า
  • ไม่สามารถลงลึกถึงชั้น SMAS ได้จริง
  • เห็นผลช้า หรืออาจไม่เห็นผลเลย หากไม่ได้ใช้อย่างต่อเนื่องและถูกต้อง

นอกจากนี้ยังมีข้อควรระวังเครื่อง Mini Hifu สามารถซื้อได้ง่าย ๆ จากเว็บขายของออนไลน์ มีหลายยี่ห้อ ส่วนใหญ่จะเป็น No Brand จึงไม่สามารถการันตีคุณภาพและความปลอดภัยได้ เสี่ยงเกิดผลข้างเคียงง่าย เพราะเครื่องปล่อยพลังงานไม่สม่ำเสมอ ทำให้ผิว Burn ได้ ไม่ต่างจากการใช้เครื่อง Hifu ปลอมครับ

สรุป Mini Hifu อาจช่วยกระตุ้นผิวได้เล็กน้อยในระยะสั้นและเห็นผลในบางคนเท่านั้น แต่หากต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจน ยกกระชับจริง และปลอดภัย ควรเลือกทำกับคลินิกที่ใช้เครื่อง Hifu แท้ อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์จะดีที่สุดครับ


การเตรียมตัวยกกระชับผิวหน้าด้วย Hifu

เมื่อศึกษาข้อมูลแล้ว การเตรียมตัวทำ Hifu ไม่ยุ่งยากครับ

  • นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
  • งดสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์
  • รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพราะจะช่วยในการสร้างคอลลาเจนให้กับเซลล์ใหม่ให้เป็นไปได้ด้วยดียิ่งขึ้น
  • ก่อนทำควรงดแต่งหน้า ทารองพื้น ทาแป้ง หรือครีมบำรุงผิวหน้าอื่น ๆ

หากใครนัดคิวทำ Hifu ในวันที่ต้องทำงาน หรือเลิกงานมาทำ ก่อนเริ่มทำ Hifu จะมีการทำความสะอาดผิวหน้า เพื่อขจัดคราบเครื่องสำอางที่ตกค้างให้ครับ

สำหรับผู้ที่มีประวัติติดเชื้อโรคเริม หรือมีปัญหาติดเชื้อที่ผิวหนัง ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการทำ

ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย ไม่กระชับ มีริ้วรอย เกิดจากอะไร ?

หน้าหย่อนคล้อย เกิดจากอะไร

สำหรับคนที่มีปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย มีริ้วรอย และผิวขาดความชุ่มชื้น สาเหตุหลักจะมาจากอายุที่มากขึ้นครับ เพราะเมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป ใบหน้าทุกคนจะเริ่มหย่อนลง ตามแรงโน้มถ่วงของโลก ผิวไม่เต่งตึงกระชับเหมือนเก่า

ในส่วนของชั้นหนังแท้ ที่ปกติจะมีคอลลาเจนเป็นโครงสร้างสำคัญ ก็จะมีจำนวนคอลลาเจนลดลงและสูญเสียความยืดหยุ่นไป ทำให้ใบหน้าดูแก่ ดูเหี่ยวย่นครับ จึงเหมาะกับการทำ Hifu เนื่องจากไฮฟูสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ในทุกชั้นผิว

ซึ่งการแก้ไขปัญหาริ้วรอยและความหย่อนคล้อยบนใบหน้า ในอดีตทำได้ด้วยการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า แต่ในปัจจุบันสามารถใช้เทคโนโลยีช่วยยกกระชับและแก้ไขริ้วรอย อย่างการทำ Hifu แก้ไขได้ โดยไม่ต้องผ่าตัดดึงหน้าให้เจ็บตัวครับ


ขั้นตอนการทำ Hifu

ขั้นตอนการทำ Hifu
  • ปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์รูปหน้า ปัญหาความหย่อนคล้อย และเลือกตำแหน่งที่เหมาะสมในการยิง Hifu รวมถึงจำนวนไลน์ที่ใช้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด
  • ก่อนทำ Hifu จะมีการทำความสะอาดผิวหน้าบริเวณที่ทำ
  • แปะยาชา ทิ้งไว้ประมาณ 30-45 นาที ช่วยลดความเจ็บขณะทำ
  • ระหว่างยิงพลังงานจะมีการทาเจลบริเวณผิวก่อนจะวางหัวเครื่องลงไปและยิงพลังงาน
  • คนไข้จะรู้สึกอุ่น ๆ ปวด ๆ ใต้ผิวบริเวณที่ทำ นั้นแสดงถึงการยิงพลังงานเข้าสู่ชั้นผิว
  • ใช้ระยะเวลาในการทำประมาณ 30-50 นาที (ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำและจำนวนช็อตที่ใช้)

การทำ Hifu มีผลข้างเคียงไหม ?

หลังทำ Hifu อาจมีอาการข้างเคียงเล็กน้อยในบางราย ซึ่งมักเป็นอาการชั่วคราว และหายได้เองภายในไม่กี่วันครับ เช่น

  • ผิวแดงหรือร้อนผ่าวเล็กน้อยหลังทำ เกิดจากพลังงานคลื่นเสียงที่ลงไปกระตุ้นผิว จะจางหายภายใน 1–2 ชั่วโมง
  • รู้สึกตึง ๆ หรือระบมใต้ผิวหน้าเล็กน้อย โดยเฉพาะบริเวณแนวกรอบหน้า หรือเหนียง อาการนี้อาจอยู่ได้ประมาณ 2–5 วัน
  • บวมหรือรู้สึกตุ่ยเล็กน้อยในบางจุดโดยเฉพาะเคสที่ยิงพลังงานสูงหรือมีการเน้นแก้มส่วนล่าง
  • เมื่อสัมผัสผิวอาจรู้สึกเจ็บลึก ๆ โดยเฉพาะเวลายิ้มหรือเคี้ยวอาหาร เป็นอาการจากการหดตัวของชั้น SMAS ซึ่งจะดีขึ้นภายในไม่กี่วัน

Hifu เห็นผลทันที จริงไหม ?

หลังทำ Hifu คนไข้สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกครับ โดยจะเริ่มเห็นผลทันทีหลังจากการทำ 20% ว่าผิวยกกระชับขึ้น หลังจากนั้นภายใน 1-2 เดือน จะเห็นผลชัดเจนขึ้น เห็นผลเต็มที่ตอน 3-4 เดือน และหากต้องการให้ผิวกระชับขึ้นอีก สามารถทำ Hifu เพิ่มได้ทุก ๆ 3 เดือน


Hifu รีวิวผลลัพธ์หลังทำ

สำหรับคนที่กำลังลังเลว่าจะทำ Hifu ดีไหม ? จะเห็นผลจริงหรือเปล่า ? หรือกลัวว่าจะเจ็บ ? ในหัวข้อนี้หมอรวมรีวิว Hifu จากคนไข้จริงมาให้ดูเป็นแนวทางครับ

Hifu รีวิวผลลัพธ์หลังทำ เคสที่ 1

“ชอบมาก คางชัด หน้าเรียวจริง รับกับช่วงจมูกได้พอดี
ให้ 10 เต็ม 10 เลยค่ะ หน้าเป๊ะมาก”

Ultraformer MPT รีวิว
(พญ.อุษา ตั้นตระกูล เลข ว.63350)
รีวิวทำ Ultraformer MPT

เคสนี้คนไข้มาปรึกษาหมอด้วยปัญหาแก้มหย่อนคล้อย และจะเห็นว่ามีริ้วรอยตรงบริเวณใต้ตาและร่องแก้มร่วมด้วย แม้ว่าจากรูปคนไข้จะดูมีคางยาวอยู่แล้ว (เคยฉีดฟิลเลอร์คางมาก่อน) แต่อยากได้ความคมชัดเพิ่ม หลังทำ Hifu แก้มดูยกกระชับขึ้น ริ้วรอยใต้ตาดูตื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลงอย่างเป็นธรรมชาติ และกรอบหน้าก็ชัดขึ้นด้วยครับ

Hifu รีวิวผลลัพธ์หลังทำ เคสที่ 2

“หลังทำหน้ายกขึ้น ผิวกระชับขึ้น สวยขึ้นจริง
ใช้เวลานิดหน่อย แต่รู้สึกว่าคุ้ม จนอยากป้ายยาเลย”

รีวิว Ultraformer MPT
(นพ.นพัช วุฒิธรรมคุณาพร เลข ว.38656)
รีวิวทำ Ultraformer MPT

เคสนี้มีความกังวลเกี่ยวกับใบหน้าที่ไม่กระชับ ทำให้หน้าดูใหญ่ มองเห็นกระเปาะแก้มเยอะ ไม่มั่นใจในการถ่ายรูป ต้องคอยเกร็งหน้า เกร็งคอ แม้จะพยายามออกกำลังกายแล้วแต่หน้าไม่ได้เล็กลงครับ เลยเข้ามาปรึกษาหมอ หมอประเมินแล้วแนะนำ Hifu Ultraformer MPT ให้ครับ หลังทำหน้ายกกระชับ กรอบหน้าดูคมชัดขึ้น หน้าเรียวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดครับ

Hifu รีวิวผลลัพธ์หลังทำ เคสที่ 3

“แชร์หัตถการคุ้มค่า หน้ายก งบประหยัด!
หลังทำหน้ากระชับขึ้นแบบคูณสองงงงงง”

รีวิว Ultraformer MPT(1)
(นพ.ธนภัทร จิตร์ไทย เลข ว.49640)
รีวิวทำ Ultraformer MPT
*ผลจากการเข้ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย

เคสนี้มีปัญหาหน้าไม่กระชับ กรอบหน้าไม่ชัด อยากหน้าเรียว เข้ามาปรึกษาที่ V Square Clinic หมอแนะนำให้ทำในกลุ่มเครื่องยกกระชับ Ultraformer MPT+Ulthera ทำทั้ง 2 เครื่องพร้อมกันเลยครับ จะได้ครอบคลุมทุกชั้นผิวทั้งผิวชั้นตื้นและผิวชั้นลึก เสริมประสิทธิภาพกัน ทำให้เห็นผลแบบคูณสอง หลังทำหน้าเป๊ะ กรอบหน้าชัด ผิวกระชับขึ้น เพราะทั้งคู่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวครับ

รีวิว Hifu Ultraformer III ลดเหนียง กรอบหน้าไม่ชัด
(พญ.ชญานิษฐ์ ศรีทองดี เลข ว.47214)
รีวิว Hifu Ultraformer III ยกกระชับหน้า เพิ่มกรอบหน้าชัด
(พญ.สุจินันท์ เรืองชยจตุพร เลข ว. 63495)

Hifu ราคาเท่าไร ?

Hifu ราคา ไม่แพงเมื่อเทียบกับหัตถการอื่น ๆ ที่ใช้คลื่นเหมือนกันครับ ซึ่งในปัจจุบันราคาทำ Hifu ในคลินิกจะมีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลายหมื่นบาท ต่างกันไปตามยี่ห้อเครื่องที่ใช้ จำนวนไลน์ที่ยิง ตำแหน่งที่ทำ และประสบการณ์ของแพทย์ผู้ทำหัตถการ

Hifu ราคาโปรโมชั่นสุดพิเศษ ที่ V Square Clinic

Hifu ราคา
  • ราคา hifu 100 line 3,999.-
  • ราคา hifu 300 line 9,900.-
    (รับเพิ่ม 50 line ฟรี รวมเป็น 350 line)
  • ราคา hifu 600 line 18,000.-
    (รับเพิ่ม 100 line ฟรี รวมเป็น 700 line)
  • ราคา hifu 1,000 line 25,000.-
    (รับเพิ่ม 100 line ฟรี รวมเป็น 1,100 line)

คลิก! เพื่อดูโปรโมชั่นแนะนำเพิ่มเติม

โปรโมชั่น Hifu

Hifu ควรทํากี่ไลน์ ถึงจะเห็นผล ?

การทำ Hifu ที่ V Square Clinic จะนับเป็น Line โดยจะยิงออกมา Line ละประมาณ 15-25 จุด ถ้าถามหมอว่าควรทำกี่ Line ถึงจะเห็นผล อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของคนไข้แต่ละคนครับ แต่จำนวนไลน์ที่ใช้ในแต่ละตำแหน่งแบบคร่าว ๆ หมอจะแนะนำตามนี้ครับ

Hifu ทํากี่ไลน์ ถึงจะเห็นผล

ตำแหน่งยอดฮิตที่คนไข้เลือกทำ Hifu พร้อมจำนวนไลน์โดยประมาณ

  • รอบดวงตา/ใต้ตา ใช้ประมาณ 100–300 Line เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยใต้ตาเล็ก ๆ หรือมีถุงใต้ตา
  • คิ้ว/หางตา ใช้ประมาณ 100–150 Line เหมาะกับผู้ที่มีหนังตาตก คิ้วตก อยากยกคิ้วและเปิดหางตาให้ดูโตขึ้น
  • ร่องแก้ม/มุมปาก ใช้ประมาณ 300 Line เหมาะสำหรับผู้ที่มีร่องลึก รอยย่นชัด
  • แก้ม/กรอบหน้า ใช้ประมาณ 100–300 Line เป็นจุดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ช่วยลดแก้ม เพิ่มกรอบหน้าชัด
  • คาง/ลำคอ ใช้ประมาณ 300–500 Line หรือมากกว่านั้น เหมาะกับผู้ที่มีเหนียง คางสองชั้น หรือหนังคอหย่อน
  • ต้นแขน/ต้นขา ใช้ประมาณ 700–1,000 Line เหมาะกับผู้ที่มีผิวบริเวณแขนขาหย่อนคล้อย มีไขมันสะสม
  • หน้าท้อง/เอว/สะโพก จำนวนไลน์แพทย์จะประเมินเป็นรายบุคคล

Hifu หน่วยเป็น Line กับ Shot ต่างกันยังไง ?

Line (ไลน์) คือ แนวของจุดพลังงาน ที่เรียงต่อกันเป็นเส้น เวลายิง 1 Line เครื่องจะปล่อยพลังงานเป็นชุดจุดเล็ก ๆ ประมาณ 15–25 จุดในแนวเดียวกัน

ยกตัวอย่างง่าย ๆ ถ้าแพทย์แนะนำ 600 Line ก็จะเท่ากับจุดพลังงาน 9,000–15,000 จุดครับ

  • 1 Line = พลังงานประมาณ 15–25 จุด (ขึ้นกับเครื่อง)
  • ให้พลังงาน ต่อเนื่อง สม่ำเสมอ ลงถึงชั้น SMAS
  • ใช้ในการออกแบบแนวการยกกระชับแบบมี “ทิศทาง”
  • เป็นหน่วยที่ใช้จริงในคลินิกและแพทย์เชื่อถือ

ส่วน Shot (ช็อต) คือ จำนวนครั้งที่กดยิงเครื่อง 1 ครั้ง = 1 จุด คล้ายการยิงแบบจุดต่อจุด ไม่มีแนวต่อเนื่อง

  • 1 Shot = พลังงาน 1 จุด (Dot)
  • ถ้าเครื่องไม่มีความเสถียร พลังงานแต่ละจุดอาจไม่เท่ากัน
  • ไม่สามารถวางทิศทางการยกกระชับได้เหมือน Line

📌 หมอสรุป

  • Line = ประสิทธิภาพสูงกว่า ยิงพลังงานสม่ำเสมอ ยกกระชับจริง
  • Shot = จุดเดียว ยิงกระจาย อาจไม่ได้ผลชัดเจน

จะเห็นว่าการนับ Hifu เป็น Shot จะทำให้คนไข้รู้สึกว่าได้จำนวน Shot เยอะและคุ้ม แต่ถ้าเทียบกันจริง ๆ แล้ว แบบ Line ที่เป็นจุดเรียงกัน 15-25 จะเยอะ คุ้มกว่า และมีประสิทธิภาพมากกว่าครับ

ดังนั้นหากคนไข้ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ปลอดภัย และคุ้มค่า หมอแนะนำให้เลือกคลินิกที่ใช้ “เครื่องแท้” และ “นับเป็น Line” เท่านั้นครับ


Hifu กี่วันเห็นผล?

ทำ Hifu ครั้งแรก เห็นผลทันทีหลังทำประมาณ 20% เห็นผลเต็มที่ในระยะ 2-3 เดือน อยู่ได้ 5-6 เดือน สามารถมาทำเพิ่มได้เรื่อย ๆ ทุก 3 เดือน เพื่อคงสภาพผิวครับ


Hifu เจ็บไหม ?

“Hifu ยิ่งเจ็บ ยิ่งสวย ถ้าไม่เจ็บคือไม่ได้ผลครับ”

การทำ Hifu ขณะทำคนไข้จะรู้สึกตึง ๆ ปวด ๆ ใต้ผิวครับ (No pain no gain) แต่อยู่ในระดับที่ทนได้ และไม่เจ็บเท่าที่หลายคนกลัว หมอสามารถปรับระดับพลังงานให้พอดีกับที่คนไข้ทนได้ ไม่ต้องกังวลครับ และก่อนทำจะแปะยาชาเพื่อลดความเจ็บ

แต่บางคลินิกจะโฆษณาว่า การทำ Hifu/Ulthera ไม่เจ็บ ซึ่งหมอมองว่าไม่เป็นความจริงเลยครับ เพราะ Hifu จะปล่อยพลังงานลงไปลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ดึงหน้า เพื่อความยกกระชับ และสร้างคอลลาเจนหรือสร้างเนื้อเยื่อใหม่

ดังนั้นการที่คนไข้รู้สึก “ตึง ๆ ลึก ๆ” แสดงว่าพลังงานลงลึกและกระตุ้นได้จริง ถ้าทำแล้ว “ไม่รู้สึกอะไรเลย” อาจหมายถึงเครื่องพลังงานต่ำ หรือยิงไม่ลงลึกเพียงพอครับ

Hifu ทํากี่ไลน์ ถึงจะเห็นผล
ก่อนทำ Hifuจะมีการทำความสะอาดผิวหน้า และการแปะยาชาก่อนทำ เพื่อลดความเจ็บลง

Hifu อยู่ได้กี่เดือน ?

“ยิ่งใช้พลังงานสูงเท่าที่คนไข้ทนได้ ➨ ยิ่งกระตุ้นคอลลาเจนได้ดี ➨ ผลอยู่ได้นาน”

หนึ่งในข้อดีของ Hifu คือให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน หลังทำจะเห็นผลเต็มที่ในระยะ 2-3 เดือน ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6 เดือน และสามารถอยู่ได้ถึง 1 ปี ถ้าใช้ค่าพลังงานสูง ยิงครบตามที่แพทย์ประเมิน เช่น 600–1,000 Line และคนไข้สามารถทนเจ็บได้ครับ

Hifu ทําทุกกี่เดือน ?

แม้ Hifu จะให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นาน แต่การทำเป็นระยะอย่างเหมาะสมก็จะช่วยให้ ผิวกระชับต่อเนื่อง และชะลอความหย่อนคล้อยในระยะยาว ได้ดียิ่งขึ้น โดยทั่วไป หมอจะแนะนำให้ทำ Hifu ซ้ำทุก 3-4 เดือน เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ และคงผลลัพธ์ให้ผิวตึง เรียวกระชับอยู่เสมอครับ

แล้วใครบ้างที่ควรทำบ่อยกว่านี้ ?

  • คนที่อายุ 35 ปีขึ้นไป คอลลาเจนเริ่มเสื่อมเร็ว
  • คนที่มีปัญหาหย่อนคล้อยมาก แนะนำทำทุก 3–4 เดือน
  • คนที่ทำครั้งแรกและต้องการให้ผลลัพธ์ชัดเร็ว ทำถี่ขึ้นในช่วงแรก แล้วค่อยเว้นระยะห่าง

ทํา Hifu หน้าบวมกี่วัน ?

หลังทำ Hifu จะมีอาการบวมเล็กน้อยประมาณ 1-2 สัปดาห์เป็นปกติครับ ไม่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แต่งหน้า/ทำงานได้ตามปกติ จะหายไปได้เอง ถ้าใช้เครื่องเกรดดีพลังงานสูงและยิงเน้นบริเวณแก้มส่วนล่าง

อาการบวมหลังทำ Hifu เป็นอย่างไร ?

  • ผิวอาจมีอาการ “บวมเล็กน้อย” หรือ “รู้สึกแน่น ๆ ตึง ๆ” โดยเฉพาะบริเวณที่แพทย์ยิงพลังงานลึก เช่น กรอบหน้า แก้ม เหนียง
  • ผิวบางคนจะรู้สึกคล้ายกับเพิ่งไปนวดหน้ามา หรือเหมือนตึงใต้ผิวเมื่อลูบสัมผัส
  • ในบางรายอาจมีจุดแดงบางจุด แต่ไม่ถึงกับบวมช้ำหรือเขียว

Hifu 100 ไลน์ เห็นผลไหม ?

หลายคนที่เพิ่งเริ่มต้นดูแลผิวด้วย Hifu อาจเลือกทำแพ็กเกจเริ่มต้นที่ 100 ไลน์ เพราะราคาย่อมเยา เหมาะสำหรับทดลอง หรือทำเฉพาะจุดเล็ก ๆ บนใบหน้า แต่ถ้าถามว่า “Hifu 100 ไลน์จะเห็นผลจริงไหม ?” “พอหรือเปล่าสำหรับยกหน้า ?”

คำตอบคือ เห็นผลครับ แต่จะเหมาะกับคนที่ผิวยังแน่น อายุยังน้อย หรือเริ่มต้นดูแลผิว ลดริ้วรอยใต้ตาเล็ก ๆ แต่ถ้าอยากเห็นผลชัดเจนทั่วใบหน้า หมอแนะนำ 300–600 Line ขึ้นไป เพราะจะครอบคลุมแก้ม เหนียง กรอบหน้า และกระตุ้นคอลลาเจนได้ทั่วถึงกว่าครับ


Hifu มีข้อดี ข้อควรระวังอย่างไร ?

แม้ว่า Hifu จะเป็นหัตถการที่ไม่ต้องฉีด ไม่ต้องผ่าตัด และได้รับความนิยมมากในกลุ่มดาราและคนทั่วไป แต่การทำ Hifu ก็มีทั้ง “ข้อดี” และ “ข้อควรระวัง” ที่ควรเข้าใจให้ครบก่อนตัดสินใจทำครับ

ข้อดีของการทำ Hifu

  • เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีริ้วรอยเล็กน้อย
  • ยกกระชับผิวหน้า เห็นผลชัดเจน
  • สามารถทำได้บ่อยครั้งและทำร่วมกับหัตถการอื่นได้อย่างปลอดภัย
  • หลังทำ Hifu จะรู้สึกได้ว่ามีผิวสุขภาพดีขึ้น ปัญหาผิวเหี่ยวย่น หย่อนคล้อยน้อยลง ซึ่งเกิดจากคอลลาเจนที่สร้างใหม่มีจำนวนเยอะขึ้น
  • เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่เริ่มมีสัญญาณผิวหย่อนอายุ 25 ปีขึ้นไป ก็สามารถเริ่มทำได้เลยเพื่อป้องกันความหย่อนคล้อยในอนาคต

ข้อควรระวังของการทำ Hifu

  • บางรายอาจมีอาการตึง รู้สึกแปล๊บใต้ผิว หรือบวมนิดหน่อยหลังทำ ซึ่งเป็นอาการปกติและจะหายเองภายในไม่กี่วัน
  • ควรเลือกเครื่องแท้ที่ได้มาตรฐาน เช่น Ultraformer III หรือ Ulthera เพราะเครื่องเลียนแบบ พลังงานไม่เสถียร อาจทำให้ผิวไหม้ หรือหน้าไม่เท่ากัน
  • ไม่เหมาะกับผู้ที่มีแผลเปิด ผิวติดเชื้อ มีโรคผิวหนัง หรือฝังโลหะใต้ผิวในบริเวณที่จะทำ
  • ต้องทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น เพราะการวางแนวไลน์ที่ผิด หรือใช้ค่าพลังงานไม่เหมาะสม อาจทำให้หน้าเบี้ยวหรือผลลัพธ์ไม่ชัดเจน

เครื่อง Hifu จีน ดีไหม ?

ปัจจุบันเครื่อง Hifu ที่ใช้กันในคลินิกความงามมีหลากหลายแหล่งผลิตครับ ทั้งจากเกาหลี, อเมริกา, ยุโรป และจีน ซึ่งราคาแต่ละเครื่องจะต่างกันมาก อย่างจากจีนมักจะมีราคาถูกกว่า จึงถูกนำมาใช้ในหลายคลินิกที่เน้นต้นทุนต่ำหรือโฆษณาราคาถูกแบบบุฟเฟ่ต์

แล้วเครื่อง Hifu จากจีนดีจริงไหม ? หมอขออธิบายตรง ๆ เลยครับว่า…

  • พลังงานไม่สม่ำเสมอ บางจุดพลังงานแรงไป ทำให้ผิวเบิร์น หน้าบวม หรือบางจุดพลังงานต่ำเกินไปทำให้ยิงแล้วไม่เห็นผล
  • ไม่มีมาตรฐานความปลอดภัยชัดเจน ไม่ได้รับรองจากองค์กรระดับโลก เช่น อย.สหรัฐ (FDA) หรือ CE จากยุโรป
  • หัว Hifu มักใช้ซ้ำ ไม่เปลี่ยนตามรอบช็อตที่ควร ทำให้พลังงานลดลง และเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
  • ผลลัพธ์ไม่แน่นอน แม้จะยิงจำนวนช็อตหรือไลน์เท่ากัน แต่ผลลัพธ์ของเครื่องจีนมักจะ “เห็นผลน้อยกว่า” หรือ “ไม่เห็นผลเลย”

เครื่อง Hifu จีนอาจดูคุ้มในแง่ของราคา แต่แฝงความเสี่ยงทั้งเรื่องความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ไม่แน่นอน ถ้าคนไข้กำลังลงทุนกับความสวยและสุขภาพผิวหน้า หมอแนะนำให้เลือกทำ Hifu กับเครื่องที่ได้มาตรฐานดีกว่าครับ เพราะยิงครั้งเดียวให้จบ เห็นผล ปลอดภัย ดีกว่าประหยัดแล้วต้องมาแก้ทีหลังครับ


หลังทำ Hifu ดูแลตัวเองอย่างไร ?

หลังทำ Hifu
  • หลังทำ Hifu ผิวจะยังคงต้องการความชุ่มชื้น ควรทาครีมบำรุงเป็นประจำเพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวดีขึ้น
  • เลือก SPF 50 PA+++ ขึ้นไป เพื่อปกป้องผิวจาก UV ที่อาจกระตุ้นการอักเสบหรือรบกวนกระบวนการฟื้นตัวของคอลลาเจน
  • อาการปวดตึงเล็กน้อยหลังทำถือเป็นเรื่องปกติ หากรู้สึกไม่สบายสามารถรับประทานพาราเซตามอลได้ตามคำแนะนำของแพทย์

Hifu ข้อห้ามก่อนและหลังทำ

ข้อห้ามก่อนทำ ไฮฟู่

  • ห้ามนอนดึก อดนอน ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เตรียมร่างกายให้พร้อม
  • ห้ามสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการทำ Hifu
  • ห้ามอดอาหาร เพราะสารอาหารมีส่วนช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนใหม่

ข้อห้ามหลังทำ ไฮฟู่

  • งดนวดหน้าแรง ๆ หรือขัดผิว ภายใน 1 สัปดาห์
  • งดความร้อนจัด เช่น การอบซาวน่า อบไอน้ำ อยู่กลางแดดจ้า เพราะอาจกระตุ้นให้ผิวระคายเคือง
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ 3 วันแรก เพราะแอลกอฮอล์จะยับยั้งกระบวนการสร้างคอลลาเจน
  • งดสูบบุหรี่ เพราะนิโคตินส่งผลโดยตรงต่อความเสื่อมของผิวและการฟื้นตัว

Hifu กินเหล้าได้ไหม ?

หลังทำ Hifu ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 3 วันครับ ถ้าให้ดีที่สุด งด 5–7 วัน จะช่วยให้ผิวฟื้นตัวและสร้างคอลลาเจนได้เต็มที่ เพราะแอลกอฮอล์จะทำลายการสร้างคอลลาเจนที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ได้ แต่หากมีงานด่วนและจำเป็นต้องดื่ม ให้ดื่มน้อยที่สุดเท่าที่ทำได้และดื่มน้ำตามมาก ๆ

Hifu คนท้องทําได้ไหม ?

แม้จะยังไม่มีงานวิจัยยืนยันความปลอดภัยแน่ชัดในหญิงตั้งครรภ์ แต่หมอยังไม่แนะนำให้ทำครับ เพราะขณะทำจะมีความรู้สึกตึง ปวดลึกใต้ผิว ซึ่งอาจกระตุ้นให้ร่างกายเกิดความเครียดเล็กน้อย ไม่เหมาะกับภาวะตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรก แพทย์ส่วนใหญ่จึงแนะนำให้ “เลี่ยงไว้ก่อน” เพื่อความปลอดภัยของทั้งแม่และลูกครับ

แล้วทำได้ตอนไหน ?

  • สามารถกลับมาทำ Hifu ได้ หลังคลอดและหยุดให้นมบุตรแล้ว
  • หรือหากคลอดแล้วแต่ยังให้นมอยู่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ
  • หมอจะแนะนำช่วงเวลาที่ปลอดภัยและเหมาะสมที่สุดให้ครับ

ทำ Hifu ที่ไหนดี ? แชร์ 5 เช็กลิสต์ก่อนเลือกทำ

ทำ hifu ที่ไหนดี(1)
(พญ. สุจินันท์ เรืองชยจตุพร เลข ว.63495)

การเลือกทำ Hifu ที่ไหนดี ไม่ใช่แค่ดูจากโปรโมชั่นราคาถูกหรือยอดรีวิวในโซเชียลเท่านั้นนะครับ เพราะแม้ว่า Hifu จะเป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น แต่หากใช้เครื่องปลอม หรือทำโดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ ก็อาจเสี่ยงทั้งไม่เห็นผลหรือเกิดผลข้างเคียงได้

“5 เช็กลิสต์ก่อนเลือกทำ Hifu ที่ไหนดี ?”

✅ ใช้เครื่องแท้ ได้มาตรฐานสากล แนะนำ Ultraformer III (เกาหลี) หรือ Ulthera (อเมริกา) พร้อมมีใบรับรองเครื่องชัดเจน พร้อมแสดงต่อคนไข้ได้

✅ แพทย์มีประสบการณ์ด้านการยกกระชับ เพราะการยิง Hifu ต้องอาศัยความแม่นยำ ทั้งตำแหน่งและระดับพลังงาน ซึ่งแพทย์ที่มีความชำนาญจะวางแนวยิงได้อย่างปลอดภัยและเห็นผลชัดเจน

✅ มีการประเมินเคสรายบุคคลก่อนทำทุกครั้ง เพราะใบหน้าแต่ละคนมีความหย่อนคล้อยต่างกัน การเลือกจำนวนไลน์ ค่าพลังงาน และตำแหน่งยิง จึงจำเป็นต้องออกแบบเฉพาะเคส

✅ ไม่มีโฆษณาเกินจริง เช่น Hifu บุฟเฟ่ต์ไม่จำกัดไลน์ เพราะเครื่องแท้มีต้นทุนสูง หากราคาถูกเกินจริง มีโอกาสสูงว่าใช้เครื่องปลอม

✅ มีรีวิวจากเคสจริงและผลลัพธ์ต่อเนื่อง ทั้ง Before-After และคำบอกเล่าจากคนไข้จริง ไม่ใช้ภาพจากเว็บต่างประเทศ

ทำไม Hifu ที่ V Square Clinic ถึงเป็นที่นิยม ?

“เลือกทำ Hifu ให้ถูกที่ครั้งเดียว สวยกระชับได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องเสี่ยงซ้ำ”

ทำ hifu ที่ไหนดี
  • ทุกสาขาใช้ เครื่อง Ultraformer III แท้ ผ่านการรับรองมาตรฐานยุโรป CE และเกาหลี KFDA
  • แพทย์มีใบอนุญาตจากแพทยสภา + ผ่านการอบรมเทคนิคยิง Hifu โดยตรง
  • ประเมินเคสก่อนทำทุกคน พร้อมแนะนำจำนวนไลน์ที่เหมาะกับปัญหาผิวเฉพาะบุคคล
  • มีรีวิวจริงจากดารา คนดัง และคนไข้ทั่วไปจำนวนมาก
  • ราคาชัดเจน โปรคุ้มค่า ไม่มีบวกเพิ่มหน้างาน

การทำ Hifu ให้ได้ผลดี เห็นผลไว และปลอดภัย ต้องเลือกคลินิกที่ใช้เครื่องแท้ ยิงโดยแพทย์จริง และไม่ลดคุณภาพเพื่อแลกกับราคาครับ


สรุป ทำ Hifu ดีไหม ?

สำหรับคนที่ยังลังเลอยู่ว่า ทำ Hifu ดีจริงไหม ? ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยครับ แนะนำว่าควรตรวจเช็กข้อมูลเหล่านี้ก่อนทำ

  • คุณภาพเครื่องที่ใช้ มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน
  • จำนวนช็อต (line) ที่ยิง
  • ปรึกษาปัญหากับแพทย์ก่อนทำ
  • แพทย์ที่ทำหัตถการ มีประสบการณ์หรือไม่

เพื่อผลลัพธ์ที่พึงพอใจ ควรทำกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้เครื่อง Hifu ที่มีคุณภาพและเป็นของแท้ รวมถึงควรทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ สามารถประเมิน และวางแผนการแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดครับ


สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้ง 31 สาขา หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ สามารถศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัวและจัดการความเป็นส่วนตัว ได้ที่ปุ่มตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า