
Hifu ยกกระชับผิว ยิ่งทำ ยิ่งเห็นผล
จากผลสำรวจจากกระแสความงามในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา พบว่า “Hifu” ติด Top 3 หัตถการที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทยครับ
ด้วยจุดเด่นเรื่องการยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด เห็นผลเร็ว ไม่ต้องพักฟื้น และมีราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้หลายคนเลือกใช้เป็นทางลัดเพื่อฟื้นฟูผิวให้แน่น หน้าดูเด็กลงครับ
สำหรับใครที่สนใจทำ Hifu บทความนี้หมอรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการทำ Hifu ที่ควรรู้มาไว้ทั้งหมด ทำไมแต่ละคลินิกราคาทำไฮฟูถึงต่างกัน ? เครื่อง Hifu แต่ละคลินิกเหมือนกันหรือไม่ ? ต้องเลือกอย่างไร ถึงเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ไม่เสี่ยง คุ้มค่าคุ้มราคา คนไข้สามารถศึกษาข้อมูลเหล่านี้ ก่อนตัดสินใจ เพื่อผลลัพธ์ที่สวยและปลอดภัยครับ

สารบัญ Hifu
Hifu คืออะไร ? ทำไมถึงได้รับความสนใจ ?

Hifu ย่อมาจาก High Intensity Focus Ultrasound เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวโดยใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง ยิงลงลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นผิวเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการดึงหน้าครับ
ซึ่งจุดเด่นของ Hifu ที่ทำให้ได้รับความสนใจ คือ
- เห็นผลทันที 20% หลังทำ และชัดเจนเต็มที่ใน 2-3 เดือน
- ปลอดภัย แม่นยำ ไม่ทำลายเนื้อเยื่อโดยรอบ อ่อนโยนแม้ผิวบริเวณใต้ตา
- สามารถใช้ได้บริเวณใบหน้า เหนียง คอ ต้นแขน และต้นขา
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน ทำให้ผิวหน้ายืดหยุ่นมากขึ้น
- ช่วยลดริ้วรอย กระชับรูขุมขน ผิวเนียนนุ่มขึ้น หน้าเรียบเนียนใสอย่างเป็นธรรมชาติ
- ช่วยลดเหนียง คางสองชั้น มีกรอบหน้าชัด หน้าเรียว V Shape
- เป็นเครื่องมือที่ไม่ต้องฉีด ไม่ต้องผ่า ไม่มีแผลเป็น จึงเห็นดาราหลาย ๆ คนเลือกใช้ Hifu
- ก่อนทำไม่ต้องเตรียมตัวมาก หลังทำสามารถใช้หน้าได้เลย ไม่ต้องพักฟื้น
วิธีการทำงานของ Hifu Macrofocus

การทำงานของ Hifu (High Intensity Focused Ultrasound) อาศัยพลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง ส่งพลังงานลงไป แบบเฉพาะจุด (Focused Point) โดยไม่กระทบต่อผิวชั้นบน แต่จะ “โฟกัสพลังงาน” ไปยัง ชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นผิวหนังลึกสุดที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า
เมื่อพลังงานถูกส่งลงไปยังชั้น SMAS จะเกิดความร้อนประมาณ 65-70°C ทำให้ชั้นผิวหดตัว และกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ในบริเวณนั้นอย่างต่อเนื่อง โดยจะรู้สึกหน้ายกกระชับขึ้น หลังจากนั้น 3-4 เดือน จะเห็นผลชัดเจนเต็มที่ ยิ่งทำยิ่งได้ผลลัพธ์ดีขึ้นครับ
ทำ Hifu ได้ตอนอายุเท่าไหร่ ?

โดยทั่วไปแล้ว การทำ Hifu สามารถเริ่มได้ตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไปครับ เพราะเมื่ออายุเพิ่มขึ้น คอลลาเจนในชั้นผิวหนังจะลดลงเฉลี่ย 1.5% ต่อปี ส่งผลให้ผิวเริ่มแห้ง หยาบ ไม่กระชับ โครงสร้างผิวอ่อนแอลง ผิวเริ่มหย่อนคล้อยเล็กน้อย แม้จะยังมองไม่เห็นชัดเจนก็ตาม
ดังนั้นการเริ่มดูแลผิวด้วย Hifu ตั้งแต่อายุยังน้อยจะช่วยชะลอความหย่อนคล้อย และป้องกันไม่ให้ผิวเสื่อมมากเกินไปในอนาคตครับ
อายุไม่ถึง 25 ทำ hifu ได้ไหม ?
อายุยังไม่ถึง 25 ปี ก็สามารถทำ Hifu ได้ครับ เพราะยิ่งอายุมากขึ้นใบหน้าเราก็จะยิ่งหย่อนลงเรื่อย ๆ การทำ Hifu ตั้งแต่อายุยังน้อย จะช่วยชะลอการหย่อนของผิวและการเกิดริ้วรอย โดยเฉพาะบริเวณร่องแก้ม ใต้ตา ร่องมุมปาก และหากทำ Hifu อย่างต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ก็จะยิ่งรักษาผลลัพธ์ใบหน้าอ่อนเยาว์ไว้ได้นานขึ้นครับ
เครื่อง Hifu มีกี่แบบ ?

ในปัจจุบันเครื่อง Hifu มีหลากหลายยี่ห้อและรุ่นให้เลือกใช้ ซึ่งแต่ละแบบก็มีคุณสมบัติ พลังงาน และผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป โดยสามารถแบ่งประเภทได้ตาม 4 ปัจจัยหลัก ดังนี้ครับ
1. แบ่งตามระดับพลังงาน (Micro-Focused vs Macro-Focused)
- Micro-Focused Ultrasound ส่งพลังงานเป็นจุดเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 0.5 mm
เหมาะกับบริเวณผิวบาง เช่น ใต้ตา หน้าผาก หรือบริเวณที่ต้องการความแม่นยำสูง - Macro-Focused Ultrasound ส่งพลังงานเป็นจุดใหญ่กว่า ขนาด 1 mm
เหมาะกับบริเวณที่ต้องการยกกระชับมาก เช่น แก้ม เหนียง คอ เห็นผลชัดเจนและอยู่ได้นาน เครื่อง Hifu ที่ใช้พลังงานนี้ เช่น Ultraformer III, Ultraformer MPT
2. แบ่งตามรูปแบบการยิงพลังงาน
- Single Shot 1 ครั้ง = 1 จุดพลังงาน (มักพบในเครื่องเกรดต่ำ หรือเครื่องจีนราคาถูก)
- Line Shot 1 ครั้ง = พลังงานเรียงตัวกันเป็นเส้น แต่ละเส้นมีประมาณ 15–25 จุด หรือบางรุ่นอาจมากถึง 417 จุด ทำให้ครอบคลุมพื้นที่ได้มากกว่า เจ็บน้อยกว่า เห็นผลลัพธ์ดีกว่า
Hifu ที่ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัย เป็นที่นิยมและแพทย์ยอมรับ ก็มีหลายเกรดครับ โดยยี่ห้อที่ดีที่สุดคือ Ulthera และ Ultraformer III ครับ นอกจากนี้ก็จะมีเครื่อง Hifu จีน เกาหลียี่ห้ออื่น ๆ แตกต่างกันไปตามค่าพลังงาน ทำให้ราคาค่าใช้จ่ายในแต่ละคลินิกมีราคาที่ต่างกัน
3. แบ่งตามประเทศผู้ผลิต
- เครื่อง Hifu จากอเมริกา เช่น Ulthera ซึ่งเป็นเครื่องรุ่นต้นตำรับดั้งเดิม ได้รับการยอมรับทั่วโลก
- เครื่อง Hifu จากเกาหลี เช่น Ultraformer III ที่ผ่านการรับรอง CE จากยุโรป มีความแม่นยำ ปลอดภัย เหมาะกับคนไทย
- เครื่อง Hifu จีน (No Brand / Clone) ราคาถูก มักนำมาใช้ในโปรโมชั่นแบบ “Hifu บุฟเฟ่ต์” ที่ไม่มีการจำกัด shot/line พลังงานไม่คงที่ เสี่ยงผิวไหม้ หน้าเบี้ยว ผลลัพธ์ไม่น่าเชื่อถือ
Hifu มีกี่ยี่ห้อ เครื่องไหนที่ได้รับความนิยมสุด ?
เครื่อง Hifu มีหลายยี่ห้อครับ แต่ที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย เป็นที่นิยมและแพทย์ยอมรับ ก็มีหลายเกรด โดยยี่ห้อที่ดีที่สุดคือ Ulthera และ Ultraformer III ครับ รองลงมาคือ exilis, smazlift เป็นต้น ทำให้ราคาค่าใช้จ่ายในแต่ละคลินิกมีราคาที่ต่างกัน
Ulthera
Ulthera เป็นเครื่อง Original ซึ่งพลังงานจะสูงกว่า Hifu Macrofocus 2 เท่า ทำให้อยู่ได้นานกว่า 2 เท่าครับ ขณะทำจะรู้สึกเจ็บกว่า Hifu และมีราคาแพงกว่า
จุดเด่นของเครื่อง Ulthera คือ จะมีหน้าจอเพื่อระบุความลึกของการยิง เพื่อให้ยิงพลังงานลงในชั้น SMAS ได้แม่นยำมากขึ้น ไม่ก่อให้ผลกระทบกับผิวบริเวณข้างเคียง จึงทำให้มีความปลอดภัยสูง ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะ Ulthera Prime เครื่องยกกระชับผิวรุ่นล่าสุดที่ได้มีการอัปเกรดและพัฒนาในหลาย ๆ ฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากขึ้นครับ
ทำความรู้จัก Ulthera แบบเจาะลึกทุกควรรู้ คลิก!

อ่านบทความเพิ่มเติม : ทำ Ulthera ที่ไหนดี? มีวิธีเลือกอย่างไรให้เห็นผลลัพธ์คุ้มค่ามากที่สุด และปลอดภัย
Ultraformer III
Ultraformer III เป็น Hifu ที่ดีที่สุดรองจาก Ulthera เนื่องจากพลังงานเป็น Macrofocus และมีรอบพลังงานไวที่สุดจึงเจ็บน้อยลง สามารถใช้พลังงานได้สูงเต็มที่ และระหว่างที่ยิงพลังงานจะคงที่ ผ่านการรับรองมาตรฐานจากยุโรป เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีริ้วรอย มีร่องใต้ตา ร่องแก้มที่ไม่ลึกมาก และไม่ต้องการฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อก ราคายังไม่แพงมาก ทำได้บ่อยครั้ง
นอกจากนี้เครื่อง Ultraformer III ยังมีนวัตกรรมใหม่ล่าสุด สุดยอดเทคโนโลยี MF 2 macro focus ultrasound ที่เป็นหัวยิงรุ่นใหม่ล่าสุด อย่างหัวยิง Cherry Pink ซึ่งจะเป็นหัวยิงที่ใช้ได้เฉพาะเครื่อง Hifu Ultraformer III รุ่น Top เท่านั้นถ้าเป็นรุ่นรองก็จะไม่สามารถใช้หัวนี้ได้ครับ
Sygmalift
Sygmalift เป็นเครื่อง Hifu ที่ใช้เทคโนโลยี Fractionated HIFU (High Intensity Focused Ultrasound)
โดยแตกต่างจาก Hifu ทั่วไปตรงที่ใช้พลังงานอ่อนโยนกว่า เน้นการปล่อยคลื่นเสียงแบบ Low Intensity ผ่านหัวยิงขนาดเล็ก พลังงานต่ำ ผลลัพธ์ด้าน “การยกกระชับ” จึงไม่ชัดเท่า Ultraformer หรือ Ulthera ครับ
Exilis / Smazlift / Liftera
เครื่อง Hifu กลุ่มนี้ถือเป็น Hifu เกรดกลาง ค่าพลังงานที่ยิงจะไม่สูงมาก บางรุ่นใช้คลื่นวิทยุผสมกับคลื่นเสียง เหมาะกับการกระตุ้นผิวเฉพาะจุด หรือทำร่วมกับหัตถการอื่นครับ
Hifu บุฟเฟ่ต์ คืออะไร ? คุ้มไหม ?
Hifu บุฟเฟ่ต์ คือ แพ็กเกจที่คลินิกเสนอให้สามารถยิง Hifu ได้ไม่จำกัดจำนวนช็อตหรือไลน์ในราคาตายตัว ที่หมอเห็นบ่อย ก็จะมีราคา 999.- บ้าง 2,999.- บ้าง โดยที่ไม่ได้บอกว่าใช้เครื่องยี่ห้ออะไร พลังงานเท่าไหร่ ซึ่งฟังดูเหมือนคุ้มค่ามาก แต่ความจริงแล้วต้องระวังและทำความเข้าใจให้ดีก่อนครับ
เหตุผลที่หมอให้ระวัง เพราะการทำ Hifu อย่าง Ultraformer III หรือ Ulthera จะมีต้นทุนหัวยิง (Handpiece) ที่สูงมาก และมีการจำกัดจำนวน Line ต่อหัว เช่น 300–500 ไลน์ต่อหัว หากยิงหมดต้องเปลี่ยนหัวใหม่ทันที
ดังนั้น… การโฆษณาว่าทำ “ไม่จำกัดช็อต” ในราคาหลักร้อยถึงหลักพัน มีความเป็นไปได้สูงว่า
- ใช้เครื่อง Hifu ปลอม หรือเครื่องเลียนแบบ
- พลังงานไม่สเถียร บางจุดร้อนเกินไป บางจุดพลังงานต่ำเกินไป ทำให้เสี่ยงผิวไหม้ หน้าไม่เท่ากัน
- ทำแล้วไม่เห็นผล หรืออยู่ได้แค่ช่วงสั้น ๆ
สำหรับคนที่สนใจทำ Hifu จำเป็นต้องรู้ข้อมูลว่าคลินิกนั้น ๆ ใช้เครื่อง Hifu ยี่ห้ออะไร ? คุณภาพดีไหม ? เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และให้ได้ผลคุ้มค่า ตามราคาที่จ่ายอย่างไม่ผิดหวังครับ

“หมอแนะนำ : คำว่า ‘คุ้ม’ ไม่ได้อยู่ที่ราคาถูกที่สุด แต่อยู่ที่ผลลัพธ์ ความปลอดภัย และระยะเวลาที่อยู่ได้
เพราะการยกกระชับผิวคือเรื่องระยะยาว อย่าประหยัดในสิ่งที่ต้องแก้ไขทีหลังด้วยต้นทุนที่แพงกว่าเดิมครับ”
Hifu เหมาะกับใครบ้าง ?
Hifu สามารถทำได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงครับ โดยเฉพาะคนที่กลัวเข็ม กลัวการผ่าตัด ไม่มีเวลาพักฟื้น รวมถึงคนมีปัญหาผิวดังนี้
- ผู้ที่มีผิวเริ่มหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง เช่น ร่องแก้มเริ่มลึก แก้มตก เหนียงเริ่มมา หรือหนังตาเริ่มตก
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียว กรอบหน้าชัดขึ้น โดยเฉพาะคนที่มีเหนียงหรือแนวกรามไม่คมชัด
- ผู้ที่มีริ้วรอยเล็ก ๆ หรือรูขุมขนกว้าง เช่น ริ้วรอยรอบดวงตา ร่องมุมปาก หรือหน้าผาก
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป เพราะเป็นช่วงที่คอลลาเจนเริ่มลดลง และผิวเริ่มเสื่อมสภาพตามธรรมชาติ
- ผู้ที่อยากดูเด็กลง ยกกระชับใบหน้าแบบธรรมชาติ
Hifu ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?
ไม่ใช่แค่หัตถการที่ช่วย “ยกหน้า” เท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ครอบคลุมหลายด้าน ทั้งเรื่องความกระชับของผิว การลดริ้วรอย ไปจนถึงช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้ดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติด้วยครับ เช่น
- ช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยของผิว ใบหน้า แก้ม ลำคอ ลำตัว
- ช่วยลดริ้วรอยเล็ก ๆ บนผิวหน้า โดยเฉพาะบริเวณร่องแก้ม หางตา ร่องใต้ตา
- ช่วยแก้ปัญหาหนังตาตก ทำให้คิ้วยกขึ้น ดวงตาโต
- ช่วยลดไขมันใต้คาง ลดเหนียง ลดคาง 2 ชั้น
- เพิ่มความคมชัดของกรอบหน้า เห็นแนวกรามชัดขึ้น
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ทำให้ผิวแน่น ฟู
- ช่วยยกกระชับผิว โดยทำได้ทั้งบริเวณเอว, หน้าท้อง, สะโพก, ต้นแขน, ท้องแขน, ต้นขา, หน้าอก รวมถึงบริเวณที่ยากจะเข้าถึง Hifu จึงเหมาะกับทุกคนที่มีปัญหาเรื่องรูปร่าง

รู้หรือไม่ ? : จากผลการศึกษาในปี 2017 (Efficacy and safety of non-invasive body tightening with high-intensity focused ultrasound) แสดงให้เห็นว่า Hifu ช่วยปรับปรุงความยืดหยุ่นของผิวบริเวณแก้ม หน้าท้องส่วนล่าง และต้นขาได้อย่างมีนัยสำคัญหลังจากการทำ 12 สัปดาห์ โดยรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของผิวที่ดีขึ้น และไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงในช่วงติดตามผล
Hifu ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง ?

Hifu สามารถยิงได้ทุกบริเวณที่ต้องการให้กระชับขึ้นครับ โดยจะมีหัวที่ยิงหลากหลายตามระดับความลึกของผิวในบริเวณนั้น ๆ จุดที่ยิงแล้วเห็นผลชัดเจนแยกเป็น 2 ส่วน ได้แก่
ใบหน้า
- รอบดวงตา ใต้ตา ช่วยลดริ้วรอยเล็ก ๆ รอบดวงตา ลดถุงใต้ตา
- ร่องแก้ม มุมปาก ช่วยลดริ้วรอยร่องแก้ม ร่องมุมปากให้จางลง
- กรอบหน้า ช่วยปรับให้กรอบหน้าเรียว กระชับขึ้น กรอบหน้าชัด
- คิ้ว หางตา ช่วยยกคิ้ว ยกหางตา แก้ปัญหาหนังตาตก
- หน้าผาก แก้ม ช่วยกระชับผิวหน้า ยกแก้มที่หย่อนคล้อย
- คาง ลำคอ ช่วยลดเหนียง คางสองชั้น กระชับผิวบริเวณลำคอ
ร่างกาย
- ต้นแขน ต้นขา ช่วยกระชับต้นแขน ต้นขา
- เอว หน้าท้อง แก้ปัญหาผิวย้วยบริเวณเอว หน้าท้องกระชับขึ้น
- สะโพก กระชับผิวบริเวณสะโพก ไม่ให้เป็นเนื้อย้วย ๆ
Hifu/Ulthera/Thermage ต่างกันยังไง ?

แม้ว่า Hifu, Ulthera และ Thermage จะเป็นเทคโนโลยีในกลุ่ม “ยกกระชับผิวหน้าแบบไม่ผ่าตัด” แต่ทั้ง 3 เครื่องนี้ มีหลักการทำงานแตกต่างกัน โดยเฉพาะชนิดพลังงาน, ระดับความลึกของผิวที่ยิงถึง, ผลลัพธ์และความรู้สึกขณะทำครับ
โดยเฉพาะ Hifu ธรรมดาจะ focus จุดขนาดเล็ก 0.3-0.5 mm ซึ่งไม่สามารถทำก้อนพลังงานขนาดใหญ่ได้ เพราะประสิทธิภาพของเครื่องต่ำ เมื่อทำ focus ใหญ่ การส่งค่าพลังงานจะไม่คงที่และมีความเสี่ยงที่จะทำให้ผิวไหม้ได้

Hifu macrofocus เป็นจุดไข่ปลาเล็ก ๆ ขนาด 0.5-1 mm พลังงานคงที่ เด่นในเรื่องยกกระชับ เจ็บพอดี ๆ ราคาคุ้มค่า

Ulthera focus เป็นจุดขนาด 1 mm และมีหน้าจอในการดูระดับความลึกของจุดที่ยิงลงไป ขณะทำเจ็บกว่า Hifu ถ้าทนไหวจะอยู่ได้ 1 ปี ถ้าเจ็บหมอก็จะปรับพลังงานลง ผลที่ได้ไม่ต่างจาก Hifu macrofocus มากครับ แต่ราคาสูงกว่า

Thermage จะยิงความร้อนเป็นก้อนขนาดใหญ่ 3-4 cm2 ลงใต้ผิว ทำให้เกิดการหดตัวในทุกทิศทาง พลังงานจะครอบคลุมพื้นที่ได้ดีกว่าแบบจุด ค่อนข้างเจ็บมาก ครอบคลุมทุกอณู แต่ไร้ทิศทาง เด่นในเรื่องของการลดเนื้อไขมันและเพิ่ม skin quality ริ้วรอย รูขุมขนเล็กลง มากกว่าการยกกระชับ
เปรียบเทียบ ยกกระชับผิวด้วย Hifu/ร้อยไหม/เมโสแฟต อะไรดีกว่ากัน ?
Hifu ร้อยไหม และเมโสแฟต ทั้ง 3 หัตถการนี้เป็นที่นิยมมากในการยกกระชับ ปรับรูปหน้า โดยแต่ละวิธีเหมาะกับปัญหาที่แตกต่างกัน และให้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกัน เพื่อให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น มาดูเปรียบเทียบกันแบบชัด ๆ ครับ
- Hifu เป็นเทคโนโลยีการยกกระชับที่ถูกออกแบบมาให้สามารถกระตุ้น Collagen ได้ในทุกชั้นของผิว สามารถแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยของผิวได้โดยตรง และป้องกันความหย่อนคล้อยของผิวในอนาคตได้ด้วย เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีริ้วรอยเล็กน้อย ร่องใต้ตา ร่องแก้มไม่ลึกมาก และไม่ต้องการฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อก
- ร้อยไหม เป็นการใช้เข็มนำเส้นไหมละลายที่มีเงี่ยงสอดลงในชั้นผิวหนัง โดยจะมีจุดที่ดึงบริเวณแก้มส่วนล่างและจุดที่ยึดอยู่บริเวณขมับดึงเข้าหากันจึงสามารถดึงแก้มที่หย่อนขึ้นได้ สามารถแก้ปัญหาแก้มย้อย แก้มห้อยได้ทันที เหมาะสำหรับคนที่แก้มหย่อนมาก ๆ
- ฉีดเมโสแฟต (Meso Fat) เป็นการฉีดตัวยาที่ช่วยสลายไขมันลงในชั้นไขมัน สามารถฉีดลดแก้ม ลดเหนียง แก้ปัญหาแก้มย้อย แก้มห้อย ที่มีสาเหตุจากไขมันได้ เหมาะสำหรับคนที่มีแก้มหรือเหนียงมากหรือต้องการลดสัดส่วนไขมันในบางจุด
ในกรณีที่ต้องการยกหน้าให้เต่งตึง ลดริ้วรอย เพื่อให้ดูอ่อนกว่าวัย ยังมีหัตถการอื่น ๆ เช่น การฉีดฟิลเลอร์ และการฉีดโบท็อกปรับรูปหน้า ซึ่งใครเหมาะกับหัตถการใด แพทย์จะช่วยประเมินว่าในบริเวณที่ต้องการแก้ไข วิธีใดเหมาะสมหรือแนะนำให้ทำคู่กัน 2 หรือ 3 หัตถการ เพื่อให้ได้ผลไวขึ้นได้ครับ
Mini Hifu ได้ผลจริงไหม ?
Mini Hifu คืออุปกรณ์ยกกระชับผิวขนาดเล็กที่สามารถใช้เองที่บ้านได้ มีราคาตั้งแต่หลักพันต้น ๆ ไปจนถึงหลักหมื่นก็มีครับ เหมาะกับคนที่ต้องการความสะดวกและประหยัดงบ ซึ่งแต่ละยี่ห้อมักมีการโฆษณาว่า “ลดแก้ม เหนียง กระตุ้นคอลลาเจนได้ ไม่จำกัด shot ให้ผลลัพธ์เทียบเท่าคลินิก”
แต่ในความจริงแล้ว ประสิทธิภาพของ Mini Hifu ไม่สามารถเทียบกับเครื่อง Hifu ที่ใช้ในคลินิกได้เลย เพราะ…
- ปล่อยพลังงานได้เบากว่า
- ไม่สามารถลงลึกถึงชั้น SMAS ได้จริง
- เห็นผลช้า หรืออาจไม่เห็นผลเลย หากไม่ได้ใช้อย่างต่อเนื่องและถูกต้อง
นอกจากนี้ยังมีข้อควรระวังเครื่อง Mini Hifu สามารถซื้อได้ง่าย ๆ จากเว็บขายของออนไลน์ มีหลายยี่ห้อ ส่วนใหญ่จะเป็น No Brand จึงไม่สามารถการันตีคุณภาพและความปลอดภัยได้ เสี่ยงเกิดผลข้างเคียงง่าย เพราะเครื่องปล่อยพลังงานไม่สม่ำเสมอ ทำให้ผิว Burn ได้ ไม่ต่างจากการใช้เครื่อง Hifu ปลอมครับ
สรุป Mini Hifu อาจช่วยกระตุ้นผิวได้เล็กน้อยในระยะสั้นและเห็นผลในบางคนเท่านั้น แต่หากต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจน ยกกระชับจริง และปลอดภัย ควรเลือกทำกับคลินิกที่ใช้เครื่อง Hifu แท้ อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ที่มีประสบการณ์จะดีที่สุดครับ
การเตรียมตัวยกกระชับผิวหน้าด้วย Hifu
เมื่อศึกษาข้อมูลแล้ว การเตรียมตัวทำ Hifu ไม่ยุ่งยากครับ
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
- งดสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพราะจะช่วยในการสร้างคอลลาเจนให้กับเซลล์ใหม่ให้เป็นไปได้ด้วยดียิ่งขึ้น
- ก่อนทำควรงดแต่งหน้า ทารองพื้น ทาแป้ง หรือครีมบำรุงผิวหน้าอื่น ๆ
หากใครนัดคิวทำ Hifu ในวันที่ต้องทำงาน หรือเลิกงานมาทำ ก่อนเริ่มทำ Hifu จะมีการทำความสะอาดผิวหน้า เพื่อขจัดคราบเครื่องสำอางที่ตกค้างให้ครับ
สำหรับผู้ที่มีประวัติติดเชื้อโรคเริม หรือมีปัญหาติดเชื้อที่ผิวหนัง ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการทำ
ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย ไม่กระชับ มีริ้วรอย เกิดจากอะไร ?

สำหรับคนที่มีปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย มีริ้วรอย และผิวขาดความชุ่มชื้น สาเหตุหลักจะมาจากอายุที่มากขึ้นครับ เพราะเมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป ใบหน้าทุกคนจะเริ่มหย่อนลง ตามแรงโน้มถ่วงของโลก ผิวไม่เต่งตึงกระชับเหมือนเก่า
ในส่วนของชั้นหนังแท้ ที่ปกติจะมีคอลลาเจนเป็นโครงสร้างสำคัญ ก็จะมีจำนวนคอลลาเจนลดลงและสูญเสียความยืดหยุ่นไป ทำให้ใบหน้าดูแก่ ดูเหี่ยวย่นครับ จึงเหมาะกับการทำ Hifu เนื่องจากไฮฟูสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ในทุกชั้นผิว
ซึ่งการแก้ไขปัญหาริ้วรอยและความหย่อนคล้อยบนใบหน้า ในอดีตทำได้ด้วยการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า แต่ในปัจจุบันสามารถใช้เทคโนโลยีช่วยยกกระชับและแก้ไขริ้วรอย อย่างการทำ Hifu แก้ไขได้ โดยไม่ต้องผ่าตัดดึงหน้าให้เจ็บตัวครับ
ขั้นตอนการทำ Hifu

- ปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์รูปหน้า ปัญหาความหย่อนคล้อย และเลือกตำแหน่งที่เหมาะสมในการยิง Hifu รวมถึงจำนวนไลน์ที่ใช้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด
- ก่อนทำ Hifu จะมีการทำความสะอาดผิวหน้าบริเวณที่ทำ
- แปะยาชา ทิ้งไว้ประมาณ 30-45 นาที ช่วยลดความเจ็บขณะทำ
- ระหว่างยิงพลังงานจะมีการทาเจลบริเวณผิวก่อนจะวางหัวเครื่องลงไปและยิงพลังงาน
- คนไข้จะรู้สึกอุ่น ๆ ปวด ๆ ใต้ผิวบริเวณที่ทำ นั้นแสดงถึงการยิงพลังงานเข้าสู่ชั้นผิว
- ใช้ระยะเวลาในการทำประมาณ 30-50 นาที (ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำและจำนวนช็อตที่ใช้)
การทำ Hifu มีผลข้างเคียงไหม ?
หลังทำ Hifu อาจมีอาการข้างเคียงเล็กน้อยในบางราย ซึ่งมักเป็นอาการชั่วคราว และหายได้เองภายในไม่กี่วันครับ เช่น
- ผิวแดงหรือร้อนผ่าวเล็กน้อยหลังทำ เกิดจากพลังงานคลื่นเสียงที่ลงไปกระตุ้นผิว จะจางหายภายใน 1–2 ชั่วโมง
- รู้สึกตึง ๆ หรือระบมใต้ผิวหน้าเล็กน้อย โดยเฉพาะบริเวณแนวกรอบหน้า หรือเหนียง อาการนี้อาจอยู่ได้ประมาณ 2–5 วัน
- บวมหรือรู้สึกตุ่ยเล็กน้อยในบางจุดโดยเฉพาะเคสที่ยิงพลังงานสูงหรือมีการเน้นแก้มส่วนล่าง
- เมื่อสัมผัสผิวอาจรู้สึกเจ็บลึก ๆ โดยเฉพาะเวลายิ้มหรือเคี้ยวอาหาร เป็นอาการจากการหดตัวของชั้น SMAS ซึ่งจะดีขึ้นภายในไม่กี่วัน
Hifu เห็นผลทันที จริงไหม ?
หลังทำ Hifu คนไข้สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกครับ โดยจะเริ่มเห็นผลทันทีหลังจากการทำ 20% ว่าผิวยกกระชับขึ้น หลังจากนั้นภายใน 1-2 เดือน จะเห็นผลชัดเจนขึ้น เห็นผลเต็มที่ตอน 3-4 เดือน และหากต้องการให้ผิวกระชับขึ้นอีก สามารถทำ Hifu เพิ่มได้ทุก ๆ 3 เดือน
Hifu รีวิวผลลัพธ์หลังทำ
สำหรับคนที่กำลังลังเลว่าจะทำ Hifu ดีไหม ? จะเห็นผลจริงหรือเปล่า ? หรือกลัวว่าจะเจ็บ ? ในหัวข้อนี้หมอรวมรีวิว Hifu จากคนไข้จริงมาให้ดูเป็นแนวทางครับ
Hifu รีวิวผลลัพธ์หลังทำ เคสที่ 1
“ชอบมาก คางชัด หน้าเรียวจริง รับกับช่วงจมูกได้พอดี
ให้ 10 เต็ม 10 เลยค่ะ หน้าเป๊ะมาก”

รีวิวทำ Ultraformer MPT
เคสนี้คนไข้มาปรึกษาหมอด้วยปัญหาแก้มหย่อนคล้อย และจะเห็นว่ามีริ้วรอยตรงบริเวณใต้ตาและร่องแก้มร่วมด้วย แม้ว่าจากรูปคนไข้จะดูมีคางยาวอยู่แล้ว (เคยฉีดฟิลเลอร์คางมาก่อน) แต่อยากได้ความคมชัดเพิ่ม หลังทำ Hifu แก้มดูยกกระชับขึ้น ริ้วรอยใต้ตาดูตื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลงอย่างเป็นธรรมชาติ และกรอบหน้าก็ชัดขึ้นด้วยครับ
Hifu รีวิวผลลัพธ์หลังทำ เคสที่ 2
“หลังทำหน้ายกขึ้น ผิวกระชับขึ้น สวยขึ้นจริง
ใช้เวลานิดหน่อย แต่รู้สึกว่าคุ้ม จนอยากป้ายยาเลย”

รีวิวทำ Ultraformer MPT
เคสนี้มีความกังวลเกี่ยวกับใบหน้าที่ไม่กระชับ ทำให้หน้าดูใหญ่ มองเห็นกระเปาะแก้มเยอะ ไม่มั่นใจในการถ่ายรูป ต้องคอยเกร็งหน้า เกร็งคอ แม้จะพยายามออกกำลังกายแล้วแต่หน้าไม่ได้เล็กลงครับ เลยเข้ามาปรึกษาหมอ หมอประเมินแล้วแนะนำ Hifu Ultraformer MPT ให้ครับ หลังทำหน้ายกกระชับ กรอบหน้าดูคมชัดขึ้น หน้าเรียวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดครับ
Hifu รีวิวผลลัพธ์หลังทำ เคสที่ 3
“แชร์หัตถการคุ้มค่า หน้ายก งบประหยัด!
หลังทำหน้ากระชับขึ้นแบบคูณสองงงงงง”

รีวิวทำ Ultraformer MPT
*ผลจากการเข้ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย
เคสนี้มีปัญหาหน้าไม่กระชับ กรอบหน้าไม่ชัด อยากหน้าเรียว เข้ามาปรึกษาที่ V Square Clinic หมอแนะนำให้ทำในกลุ่มเครื่องยกกระชับ Ultraformer MPT+Ulthera ทำทั้ง 2 เครื่องพร้อมกันเลยครับ จะได้ครอบคลุมทุกชั้นผิวทั้งผิวชั้นตื้นและผิวชั้นลึก เสริมประสิทธิภาพกัน ทำให้เห็นผลแบบคูณสอง หลังทำหน้าเป๊ะ กรอบหน้าชัด ผิวกระชับขึ้น เพราะทั้งคู่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวครับ
(พญ.ชญานิษฐ์ ศรีทองดี เลข ว.47214)
(พญ.สุจินันท์ เรืองชยจตุพร เลข ว. 63495)
Hifu ราคาเท่าไร ?
Hifu ราคา ไม่แพงเมื่อเทียบกับหัตถการอื่น ๆ ที่ใช้คลื่นเหมือนกันครับ ซึ่งในปัจจุบันราคาทำ Hifu ในคลินิกจะมีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลายหมื่นบาท ต่างกันไปตามยี่ห้อเครื่องที่ใช้ จำนวนไลน์ที่ยิง ตำแหน่งที่ทำ และประสบการณ์ของแพทย์ผู้ทำหัตถการ
Hifu ราคาโปรโมชั่นสุดพิเศษ ที่ V Square Clinic

- ราคา hifu 100 line 3,999.-
- ราคา hifu 300 line 9,900.-
(รับเพิ่ม 50 line ฟรี รวมเป็น 350 line)
- ราคา hifu 600 line 18,000.-
(รับเพิ่ม 100 line ฟรี รวมเป็น 700 line)
- ราคา hifu 1,000 line 25,000.-
(รับเพิ่ม 100 line ฟรี รวมเป็น 1,100 line)
คลิก! เพื่อดูโปรโมชั่นแนะนำเพิ่มเติม

Hifu ควรทํากี่ไลน์ ถึงจะเห็นผล ?
การทำ Hifu ที่ V Square Clinic จะนับเป็น Line โดยจะยิงออกมา Line ละประมาณ 15-25 จุด ถ้าถามหมอว่าควรทำกี่ Line ถึงจะเห็นผล อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของคนไข้แต่ละคนครับ แต่จำนวนไลน์ที่ใช้ในแต่ละตำแหน่งแบบคร่าว ๆ หมอจะแนะนำตามนี้ครับ

ตำแหน่งยอดฮิตที่คนไข้เลือกทำ Hifu พร้อมจำนวนไลน์โดยประมาณ
- รอบดวงตา/ใต้ตา ใช้ประมาณ 100–300 Line เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยใต้ตาเล็ก ๆ หรือมีถุงใต้ตา
- คิ้ว/หางตา ใช้ประมาณ 100–150 Line เหมาะกับผู้ที่มีหนังตาตก คิ้วตก อยากยกคิ้วและเปิดหางตาให้ดูโตขึ้น
- ร่องแก้ม/มุมปาก ใช้ประมาณ 300 Line เหมาะสำหรับผู้ที่มีร่องลึก รอยย่นชัด
- แก้ม/กรอบหน้า ใช้ประมาณ 100–300 Line เป็นจุดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ช่วยลดแก้ม เพิ่มกรอบหน้าชัด
- คาง/ลำคอ ใช้ประมาณ 300–500 Line หรือมากกว่านั้น เหมาะกับผู้ที่มีเหนียง คางสองชั้น หรือหนังคอหย่อน
- ต้นแขน/ต้นขา ใช้ประมาณ 700–1,000 Line เหมาะกับผู้ที่มีผิวบริเวณแขนขาหย่อนคล้อย มีไขมันสะสม
- หน้าท้อง/เอว/สะโพก จำนวนไลน์แพทย์จะประเมินเป็นรายบุคคล
Hifu หน่วยเป็น Line กับ Shot ต่างกันยังไง ?
Line (ไลน์) คือ แนวของจุดพลังงาน ที่เรียงต่อกันเป็นเส้น เวลายิง 1 Line เครื่องจะปล่อยพลังงานเป็นชุดจุดเล็ก ๆ ประมาณ 15–25 จุดในแนวเดียวกัน
ยกตัวอย่างง่าย ๆ ถ้าแพทย์แนะนำ 600 Line → ก็จะเท่ากับจุดพลังงาน 9,000–15,000 จุดครับ
- 1 Line = พลังงานประมาณ 15–25 จุด (ขึ้นกับเครื่อง)
- ให้พลังงาน ต่อเนื่อง สม่ำเสมอ ลงถึงชั้น SMAS
- ใช้ในการออกแบบแนวการยกกระชับแบบมี “ทิศทาง”
- เป็นหน่วยที่ใช้จริงในคลินิกและแพทย์เชื่อถือ
ส่วน Shot (ช็อต) คือ จำนวนครั้งที่กดยิงเครื่อง 1 ครั้ง = 1 จุด คล้ายการยิงแบบจุดต่อจุด ไม่มีแนวต่อเนื่อง
- 1 Shot = พลังงาน 1 จุด (Dot)
- ถ้าเครื่องไม่มีความเสถียร → พลังงานแต่ละจุดอาจไม่เท่ากัน
- ไม่สามารถวางทิศทางการยกกระชับได้เหมือน Line
📌 หมอสรุป
- Line = ประสิทธิภาพสูงกว่า ยิงพลังงานสม่ำเสมอ ยกกระชับจริง
- Shot = จุดเดียว ยิงกระจาย อาจไม่ได้ผลชัดเจน
จะเห็นว่าการนับ Hifu เป็น Shot จะทำให้คนไข้รู้สึกว่าได้จำนวน Shot เยอะและคุ้ม แต่ถ้าเทียบกันจริง ๆ แล้ว แบบ Line ที่เป็นจุดเรียงกัน 15-25 จะเยอะ คุ้มกว่า และมีประสิทธิภาพมากกว่าครับ
ดังนั้นหากคนไข้ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ปลอดภัย และคุ้มค่า หมอแนะนำให้เลือกคลินิกที่ใช้ “เครื่องแท้” และ “นับเป็น Line” เท่านั้นครับ
Hifu กี่วันเห็นผล?
ทำ Hifu ครั้งแรก เห็นผลทันทีหลังทำประมาณ 20% เห็นผลเต็มที่ในระยะ 2-3 เดือน อยู่ได้ 5-6 เดือน สามารถมาทำเพิ่มได้เรื่อย ๆ ทุก 3 เดือน เพื่อคงสภาพผิวครับ
Hifu เจ็บไหม ?
“Hifu ยิ่งเจ็บ ยิ่งสวย ถ้าไม่เจ็บคือไม่ได้ผลครับ”
การทำ Hifu ขณะทำคนไข้จะรู้สึกตึง ๆ ปวด ๆ ใต้ผิวครับ (No pain no gain) แต่อยู่ในระดับที่ทนได้ และไม่เจ็บเท่าที่หลายคนกลัว หมอสามารถปรับระดับพลังงานให้พอดีกับที่คนไข้ทนได้ ไม่ต้องกังวลครับ และก่อนทำจะแปะยาชาเพื่อลดความเจ็บ
แต่บางคลินิกจะโฆษณาว่า การทำ Hifu/Ulthera ไม่เจ็บ ซึ่งหมอมองว่าไม่เป็นความจริงเลยครับ เพราะ Hifu จะปล่อยพลังงานลงไปลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ดึงหน้า เพื่อความยกกระชับ และสร้างคอลลาเจนหรือสร้างเนื้อเยื่อใหม่
ดังนั้นการที่คนไข้รู้สึก “ตึง ๆ ลึก ๆ” แสดงว่าพลังงานลงลึกและกระตุ้นได้จริง ถ้าทำแล้ว “ไม่รู้สึกอะไรเลย” อาจหมายถึงเครื่องพลังงานต่ำ หรือยิงไม่ลงลึกเพียงพอครับ

Hifu อยู่ได้กี่เดือน ?
“ยิ่งใช้พลังงานสูงเท่าที่คนไข้ทนได้ ➨ ยิ่งกระตุ้นคอลลาเจนได้ดี ➨ ผลอยู่ได้นาน”
หนึ่งในข้อดีของ Hifu คือให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน หลังทำจะเห็นผลเต็มที่ในระยะ 2-3 เดือน ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6 เดือน และสามารถอยู่ได้ถึง 1 ปี ถ้าใช้ค่าพลังงานสูง ยิงครบตามที่แพทย์ประเมิน เช่น 600–1,000 Line และคนไข้สามารถทนเจ็บได้ครับ
Hifu ทําทุกกี่เดือน ?
แม้ Hifu จะให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นาน แต่การทำเป็นระยะอย่างเหมาะสมก็จะช่วยให้ ผิวกระชับต่อเนื่อง และชะลอความหย่อนคล้อยในระยะยาว ได้ดียิ่งขึ้น โดยทั่วไป หมอจะแนะนำให้ทำ Hifu ซ้ำทุก 3-4 เดือน เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ และคงผลลัพธ์ให้ผิวตึง เรียวกระชับอยู่เสมอครับ
แล้วใครบ้างที่ควรทำบ่อยกว่านี้ ?
- คนที่อายุ 35 ปีขึ้นไป → คอลลาเจนเริ่มเสื่อมเร็ว
- คนที่มีปัญหาหย่อนคล้อยมาก → แนะนำทำทุก 3–4 เดือน
- คนที่ทำครั้งแรกและต้องการให้ผลลัพธ์ชัดเร็ว → ทำถี่ขึ้นในช่วงแรก แล้วค่อยเว้นระยะห่าง
ทํา Hifu หน้าบวมกี่วัน ?
หลังทำ Hifu จะมีอาการบวมเล็กน้อยประมาณ 1-2 สัปดาห์เป็นปกติครับ ไม่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แต่งหน้า/ทำงานได้ตามปกติ จะหายไปได้เอง ถ้าใช้เครื่องเกรดดีพลังงานสูงและยิงเน้นบริเวณแก้มส่วนล่าง
อาการบวมหลังทำ Hifu เป็นอย่างไร ?
- ผิวอาจมีอาการ “บวมเล็กน้อย” หรือ “รู้สึกแน่น ๆ ตึง ๆ” โดยเฉพาะบริเวณที่แพทย์ยิงพลังงานลึก เช่น กรอบหน้า แก้ม เหนียง
- ผิวบางคนจะรู้สึกคล้ายกับเพิ่งไปนวดหน้ามา หรือเหมือนตึงใต้ผิวเมื่อลูบสัมผัส
- ในบางรายอาจมีจุดแดงบางจุด แต่ไม่ถึงกับบวมช้ำหรือเขียว
Hifu 100 ไลน์ เห็นผลไหม ?
หลายคนที่เพิ่งเริ่มต้นดูแลผิวด้วย Hifu อาจเลือกทำแพ็กเกจเริ่มต้นที่ 100 ไลน์ เพราะราคาย่อมเยา เหมาะสำหรับทดลอง หรือทำเฉพาะจุดเล็ก ๆ บนใบหน้า แต่ถ้าถามว่า “Hifu 100 ไลน์จะเห็นผลจริงไหม ?” “พอหรือเปล่าสำหรับยกหน้า ?”
คำตอบคือ เห็นผลครับ แต่จะเหมาะกับคนที่ผิวยังแน่น อายุยังน้อย หรือเริ่มต้นดูแลผิว ลดริ้วรอยใต้ตาเล็ก ๆ แต่ถ้าอยากเห็นผลชัดเจนทั่วใบหน้า หมอแนะนำ 300–600 Line ขึ้นไป เพราะจะครอบคลุมแก้ม เหนียง กรอบหน้า และกระตุ้นคอลลาเจนได้ทั่วถึงกว่าครับ
Hifu มีข้อดี ข้อควรระวังอย่างไร ?
แม้ว่า Hifu จะเป็นหัตถการที่ไม่ต้องฉีด ไม่ต้องผ่าตัด และได้รับความนิยมมากในกลุ่มดาราและคนทั่วไป แต่การทำ Hifu ก็มีทั้ง “ข้อดี” และ “ข้อควรระวัง” ที่ควรเข้าใจให้ครบก่อนตัดสินใจทำครับ
ข้อดีของการทำ Hifu
- เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีริ้วรอยเล็กน้อย
- ยกกระชับผิวหน้า เห็นผลชัดเจน
- สามารถทำได้บ่อยครั้งและทำร่วมกับหัตถการอื่นได้อย่างปลอดภัย
- หลังทำ Hifu จะรู้สึกได้ว่ามีผิวสุขภาพดีขึ้น ปัญหาผิวเหี่ยวย่น หย่อนคล้อยน้อยลง ซึ่งเกิดจากคอลลาเจนที่สร้างใหม่มีจำนวนเยอะขึ้น
- เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่เริ่มมีสัญญาณผิวหย่อนอายุ 25 ปีขึ้นไป ก็สามารถเริ่มทำได้เลยเพื่อป้องกันความหย่อนคล้อยในอนาคต
ข้อควรระวังของการทำ Hifu
- บางรายอาจมีอาการตึง รู้สึกแปล๊บใต้ผิว หรือบวมนิดหน่อยหลังทำ ซึ่งเป็นอาการปกติและจะหายเองภายในไม่กี่วัน
- ควรเลือกเครื่องแท้ที่ได้มาตรฐาน เช่น Ultraformer III หรือ Ulthera เพราะเครื่องเลียนแบบ พลังงานไม่เสถียร อาจทำให้ผิวไหม้ หรือหน้าไม่เท่ากัน
- ไม่เหมาะกับผู้ที่มีแผลเปิด ผิวติดเชื้อ มีโรคผิวหนัง หรือฝังโลหะใต้ผิวในบริเวณที่จะทำ
- ต้องทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น เพราะการวางแนวไลน์ที่ผิด หรือใช้ค่าพลังงานไม่เหมาะสม อาจทำให้หน้าเบี้ยวหรือผลลัพธ์ไม่ชัดเจน
เครื่อง Hifu จีน ดีไหม ?
ปัจจุบันเครื่อง Hifu ที่ใช้กันในคลินิกความงามมีหลากหลายแหล่งผลิตครับ ทั้งจากเกาหลี, อเมริกา, ยุโรป และจีน ซึ่งราคาแต่ละเครื่องจะต่างกันมาก อย่างจากจีนมักจะมีราคาถูกกว่า จึงถูกนำมาใช้ในหลายคลินิกที่เน้นต้นทุนต่ำหรือโฆษณาราคาถูกแบบบุฟเฟ่ต์
แล้วเครื่อง Hifu จากจีนดีจริงไหม ? หมอขออธิบายตรง ๆ เลยครับว่า…
- พลังงานไม่สม่ำเสมอ บางจุดพลังงานแรงไป ทำให้ผิวเบิร์น หน้าบวม หรือบางจุดพลังงานต่ำเกินไปทำให้ยิงแล้วไม่เห็นผล
- ไม่มีมาตรฐานความปลอดภัยชัดเจน ไม่ได้รับรองจากองค์กรระดับโลก เช่น อย.สหรัฐ (FDA) หรือ CE จากยุโรป
- หัว Hifu มักใช้ซ้ำ ไม่เปลี่ยนตามรอบช็อตที่ควร ทำให้พลังงานลดลง และเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
- ผลลัพธ์ไม่แน่นอน แม้จะยิงจำนวนช็อตหรือไลน์เท่ากัน แต่ผลลัพธ์ของเครื่องจีนมักจะ “เห็นผลน้อยกว่า” หรือ “ไม่เห็นผลเลย”
เครื่อง Hifu จีนอาจดูคุ้มในแง่ของราคา แต่แฝงความเสี่ยงทั้งเรื่องความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ไม่แน่นอน ถ้าคนไข้กำลังลงทุนกับความสวยและสุขภาพผิวหน้า หมอแนะนำให้เลือกทำ Hifu กับเครื่องที่ได้มาตรฐานดีกว่าครับ เพราะยิงครั้งเดียวให้จบ เห็นผล ปลอดภัย ดีกว่าประหยัดแล้วต้องมาแก้ทีหลังครับ
หลังทำ Hifu ดูแลตัวเองอย่างไร ?

- หลังทำ Hifu ผิวจะยังคงต้องการความชุ่มชื้น ควรทาครีมบำรุงเป็นประจำเพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวดีขึ้น
- เลือก SPF 50 PA+++ ขึ้นไป เพื่อปกป้องผิวจาก UV ที่อาจกระตุ้นการอักเสบหรือรบกวนกระบวนการฟื้นตัวของคอลลาเจน
- อาการปวดตึงเล็กน้อยหลังทำถือเป็นเรื่องปกติ หากรู้สึกไม่สบายสามารถรับประทานพาราเซตามอลได้ตามคำแนะนำของแพทย์
Hifu ข้อห้ามก่อนและหลังทำ
ข้อห้ามก่อนทำ ไฮฟู่
- ห้ามนอนดึก อดนอน ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เตรียมร่างกายให้พร้อม
- ห้ามสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการทำ Hifu
- ห้ามอดอาหาร เพราะสารอาหารมีส่วนช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนใหม่
ข้อห้ามหลังทำ ไฮฟู่
- งดนวดหน้าแรง ๆ หรือขัดผิว ภายใน 1 สัปดาห์
- งดความร้อนจัด เช่น การอบซาวน่า อบไอน้ำ อยู่กลางแดดจ้า เพราะอาจกระตุ้นให้ผิวระคายเคือง
- งดดื่มแอลกอฮอล์ 3 วันแรก เพราะแอลกอฮอล์จะยับยั้งกระบวนการสร้างคอลลาเจน
- งดสูบบุหรี่ เพราะนิโคตินส่งผลโดยตรงต่อความเสื่อมของผิวและการฟื้นตัว
Hifu กินเหล้าได้ไหม ?
หลังทำ Hifu ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 3 วันครับ ถ้าให้ดีที่สุด งด 5–7 วัน จะช่วยให้ผิวฟื้นตัวและสร้างคอลลาเจนได้เต็มที่ เพราะแอลกอฮอล์จะทำลายการสร้างคอลลาเจนที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ได้ แต่หากมีงานด่วนและจำเป็นต้องดื่ม ให้ดื่มน้อยที่สุดเท่าที่ทำได้และดื่มน้ำตามมาก ๆ
Hifu คนท้องทําได้ไหม ?
แม้จะยังไม่มีงานวิจัยยืนยันความปลอดภัยแน่ชัดในหญิงตั้งครรภ์ แต่หมอยังไม่แนะนำให้ทำครับ เพราะขณะทำจะมีความรู้สึกตึง ปวดลึกใต้ผิว ซึ่งอาจกระตุ้นให้ร่างกายเกิดความเครียดเล็กน้อย ไม่เหมาะกับภาวะตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรก แพทย์ส่วนใหญ่จึงแนะนำให้ “เลี่ยงไว้ก่อน” เพื่อความปลอดภัยของทั้งแม่และลูกครับ
แล้วทำได้ตอนไหน ?
- สามารถกลับมาทำ Hifu ได้ หลังคลอดและหยุดให้นมบุตรแล้ว
- หรือหากคลอดแล้วแต่ยังให้นมอยู่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ
- หมอจะแนะนำช่วงเวลาที่ปลอดภัยและเหมาะสมที่สุดให้ครับ
ทำ Hifu ที่ไหนดี ? แชร์ 5 เช็กลิสต์ก่อนเลือกทำ

การเลือกทำ Hifu ที่ไหนดี ไม่ใช่แค่ดูจากโปรโมชั่นราคาถูกหรือยอดรีวิวในโซเชียลเท่านั้นนะครับ เพราะแม้ว่า Hifu จะเป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น แต่หากใช้เครื่องปลอม หรือทำโดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ ก็อาจเสี่ยงทั้งไม่เห็นผลหรือเกิดผลข้างเคียงได้
“5 เช็กลิสต์ก่อนเลือกทำ Hifu ที่ไหนดี ?”
✅ ใช้เครื่องแท้ ได้มาตรฐานสากล แนะนำ Ultraformer III (เกาหลี) หรือ Ulthera (อเมริกา) พร้อมมีใบรับรองเครื่องชัดเจน พร้อมแสดงต่อคนไข้ได้
✅ แพทย์มีประสบการณ์ด้านการยกกระชับ เพราะการยิง Hifu ต้องอาศัยความแม่นยำ ทั้งตำแหน่งและระดับพลังงาน ซึ่งแพทย์ที่มีความชำนาญจะวางแนวยิงได้อย่างปลอดภัยและเห็นผลชัดเจน
✅ มีการประเมินเคสรายบุคคลก่อนทำทุกครั้ง เพราะใบหน้าแต่ละคนมีความหย่อนคล้อยต่างกัน การเลือกจำนวนไลน์ ค่าพลังงาน และตำแหน่งยิง จึงจำเป็นต้องออกแบบเฉพาะเคส
✅ ไม่มีโฆษณาเกินจริง เช่น Hifu บุฟเฟ่ต์ไม่จำกัดไลน์ เพราะเครื่องแท้มีต้นทุนสูง หากราคาถูกเกินจริง มีโอกาสสูงว่าใช้เครื่องปลอม
✅ มีรีวิวจากเคสจริงและผลลัพธ์ต่อเนื่อง ทั้ง Before-After และคำบอกเล่าจากคนไข้จริง ไม่ใช้ภาพจากเว็บต่างประเทศ
ทำไม Hifu ที่ V Square Clinic ถึงเป็นที่นิยม ?
“เลือกทำ Hifu ให้ถูกที่ครั้งเดียว สวยกระชับได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องเสี่ยงซ้ำ”

- ทุกสาขาใช้ เครื่อง Ultraformer III แท้ ผ่านการรับรองมาตรฐานยุโรป CE และเกาหลี KFDA
- แพทย์มีใบอนุญาตจากแพทยสภา + ผ่านการอบรมเทคนิคยิง Hifu โดยตรง
- ประเมินเคสก่อนทำทุกคน พร้อมแนะนำจำนวนไลน์ที่เหมาะกับปัญหาผิวเฉพาะบุคคล
- มีรีวิวจริงจากดารา คนดัง และคนไข้ทั่วไปจำนวนมาก
- ราคาชัดเจน โปรคุ้มค่า ไม่มีบวกเพิ่มหน้างาน
การทำ Hifu ให้ได้ผลดี เห็นผลไว และปลอดภัย ต้องเลือกคลินิกที่ใช้เครื่องแท้ ยิงโดยแพทย์จริง และไม่ลดคุณภาพเพื่อแลกกับราคาครับ
สรุป ทำ Hifu ดีไหม ?
สำหรับคนที่ยังลังเลอยู่ว่า ทำ Hifu ดีจริงไหม ? ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยครับ แนะนำว่าควรตรวจเช็กข้อมูลเหล่านี้ก่อนทำ
- คุณภาพเครื่องที่ใช้ มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน
- จำนวนช็อต (line) ที่ยิง
- ปรึกษาปัญหากับแพทย์ก่อนทำ
- แพทย์ที่ทำหัตถการ มีประสบการณ์หรือไม่
เพื่อผลลัพธ์ที่พึงพอใจ ควรทำกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้เครื่อง Hifu ที่มีคุณภาพและเป็นของแท้ รวมถึงควรทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ สามารถประเมิน และวางแผนการแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดครับ
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้ง 31 สาขา หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ