
ปากแห้งแตก ขาดวิตามินอะไร
ปากแห้งแตก ขาดวิตามินอะไร ? เป็นเรื่องที่หลายคนสงสัย โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับอากาศแห้งหรือเข้าสู่ฤดูหนาว ส่งผลให้ปากสูญเสียความชุ่มชื้น ปากแห้งแตก ปากลอกเป็นขุย อาจสะท้อนถึงการขาดวิตามินบางชนิดที่สำคัญต่อสุขภาพผิวครับ
ในบทความนี้หมอจะพาไปทำความเข้าใจว่า ปัญหาปากแห้งแตกเกิดจากการขาดวิตามินอะไรบ้าง ? อันตรายไหม ? และจะสามารถแก้ไขได้อย่างไร เพื่อให้ปากกลับมาชุ่มชื้น ดูสุขภาพดี
สารบัญ ปากแห้งแตก ขาดวิตามินอะไร
ปัญหาปากแห้งแตก เกิดจากการขาดวิตามินอะไร ?
การที่ปากแห้งอาจเป็นสัญญาณของการขาดวิตามินหลายชนิด เช่น
วิตามินบี 2 (Riboflavin)
วิตามินบี 2 หรือเรียกอีกอย่างว่า ไรโบฟลาวิน มีบทบาทในการบำรุงผิวหนังและการซ่อมแซมเซลล์ผิว เมื่อร่างกายขาดวิตามินบี 2 อาจทำให้ริมฝีปากแห้งแตก บวม และมีอาการระคายเคืองได้
- อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี 2 : ตับ, ไข่, นม, เนื้อสัตว์, ผักใบเขียว
วิตามินบี 3 (Niacin)
วิตามินบี 3 หรือ ไนอาซิน เป็นสารสำคัญที่ช่วยในการบำรุงผิวพรรณ หากขาดวิตามินบี 3 จะทำให้เกิดปัญหาผิวแห้งแตก อักเสบ ลิ้นและปากบวม
- อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี 3 : เนื้อสัตว์, ปลา, ถั่ว, ข้าวกล้อง
วิตามินบี 6 (Pyridoxine)
วิตามินบี 6 หรือ ไพริดอกซีน ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและการบำรุงผิวพรรณ การขาดวิตามินบี 6 จะทำให้ร่างกายไม่สามารถซ่อมแซมเนื้อเยื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มุมปากแห้งแตก อักเสบ หรือมีแผล
- อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี 3 : เนื้อสัตว์, ธัญพืช, ผักใบเขียว, พืชมีฝักต่าง ๆ
วิตามินซี (Vitamin C)
วิตามินซี มีบทบาทสำคัญในการสร้างคอลลาเจนซึ่งช่วยให้ผิวพรรณยืดหยุ่นและชุ่มชื้น หากขาดวิตามินซี ร่างกายจะไม่สามารถสร้างคอลลาเจนได้เพียงพอ ทำให้ผิวรวมถึงริมฝีปากแห้งแตก เกิดการระคายเคือง
- อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซี : ผลไม้ตระกูลส้ม, สตรอเบอร์รี่, พริก, ผักใบเขียว
วิตามินอี (Vitamin E)
วิตามินอี มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระและช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิว หากร่างกายขาดวิตามินอี อาจทำให้ริมฝีปากแห้งแตก และขาดความชุ่มชื้นได้
- อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินอี : ถั่ว, เมล็ดพืช, น้ำมันพืช, ผักใบเขียว
สังกะสี (Zinc)
สังกะสี หรือ ซิงค์ เป็นแร่ธาตุที่สำคัญในการบำรุงผิวและการฟื้นฟูเซลล์ผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณริมฝีปากที่มีความบอบบาง นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในเรื่องการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน หากร่างกายขาดสังกะสี ริมฝีปากจะเสี่ยงต่อการแห้งแตกและอักเสบได้ง่าย
- อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินอี : เนื้อสัตว์, อาหารทะเล, ถั่ว, เมล็ดพืช

สรุป การที่ปากแห้งแตก อาจเป็นสัญญาณของการขาดวิตามินหลายชนิด โดยเฉพาะวิตามินที่มีบทบาทในการบำรุงริมฝีปากให้ชุ่มชื้น ดังนั้นการรับประทานอาหารที่มีวิตามินเหล่านี้จะช่วยป้องกันและบรรเทาอาการปากแห้งได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ
อาการปากแห้งแตก เป็นอย่างไร ?

ปากแห้งแตก มักมีลักษณะของริมฝีปากที่แห้ง หยาบกร้าน ลอกเป็นขุย มีอาการคันหรือแสบร้อน บางครั้งอาจเกิดรอยแตกเป็นเส้น มีแผลลึก บางรายมีการอักเสบของมุมปากร่วมด้วย ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวริมฝีปาก โดยเฉพาะเวลาพูดหรือยิ้ม
ปากแห้งแตก เกิดจากสาเหตุอะไร ?
ปากแห้งแตก อาจเกิดได้จากหลายปัจจัยครับ หมอรวบรวมสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ปากแห้งแตกบ่อย มีดังนี้
- ภาวะขาดน้ำ : หากร่างกายขาดน้ำ ขาดความชุ่มชื้น จะส่งผลทำให้ริมฝีปากแห้งและแตกได้
- การขาดวิตามิน : เช่น วิตามินบี วิตามินซี และซิงค์ จะส่งผลให้ริมฝีปากแห้งแตกได้ง่าย
- สภาพอากาศ : ทั้งอากาศร้อนและอากาศหนาว มักทำให้ริมฝีปากแห้งและสูญเสียความชุ่มชื้น
- สารเคมี : เช่น สารเคมีในยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก หรือในลิปสติก อาจส่งผลให้ริมฝีปากแห้งแตก เป็นขุย ระคายเคืองได้
- การเลียริมฝีปากบ่อย : เอนไซม์ในน้ำลายจะไปทำลายความชุ่มชื้นบนริมฝีปาก ทำให้ปากแห้ง
ปากแห้งแตก อันตรายไหม ?

อาการปากแห้ง โดยทั่วไปสามารถบำรุงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นได้ แต่หากพบอาการปากแห้งแตกเรื้อรังหรือมีอาการร่วมอื่น ๆ ด้วย เช่น รู้สึกเจ็บแสบ คัน บวมแดง เป็นแผลอักเสบหรือมีการติดเชื้อที่มุมปาก ซึ่งอาจลุกลามและเป็นอันตรายได้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินหาสาเหตุและการรักษาที่เหมาะสมครับ
ปากแห้งแตก ทำหัตถการไหนดี ? วิธีการรักษาปากแห้งแตกที่ได้ผล
ปากแห้งแตก รักษาอย่างไรดี ? หนึ่งในวิธีทางการแพทย์ที่สามารถแก้ปัญหาปากแห้งได้อย่างเห็นผล และหมอแนะนำ คือการฉีดฟิลเลอร์ปาก โดยการใช้สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid ที่มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำฉีดเข้าไปในริมฝีปาก เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ช่วยเติมเต็มและทำให้ริมฝีปากดูอิ่มเอิบขึ้น
การฉีดฟิลเลอร์ปาก เหมาะกับคนที่มีปัญหาปากแห้งแตก ปากลอก เริ่มมีริ้วรอยที่ริมฝีปากและขอบปากทำให้เวลาที่ทาลิปสติกแล้วเกิดการตกร่องของเนื้อลิปสติก นอกจากฟิลเลอร์จะช่วยเสริมให้ริมฝีปากกลับมาดูอวบอิ่ม เต่งตึง ชุ่มชื้น ยังสามารถใช้ปรับทรงปากได้ตามต้องการ เช่น ทรงปากกระจับ ปรับแก้รูปทรงปากคว่ำ ปากที่ไม่เป็นรูปให้สมดุล ได้รูปทรงที่สวยงาม โดยไม่ต้องผ่าตัด

*ผลจากการเข้ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย
ในเคสที่อยากฉีดปากเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น แก้ปัญหาปากแห้งแตก แต่ไม่ได้ต้องการเพิ่มความอวบอิ่ม หมอแนะนำยี่ห้อฟิลเลอร์ 2 รุ่นนี้ครับ

- Juvederm รุ่น Volite : ฟิลเลอร์เนื้อฉ่ำ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และเพิ่มความอวบอิ่มขึ้นได้เล็กน้อย อยู่ได้ 8-12 เดือน
- Restylane รุ่น Vital Light : ฟิลเลอร์เนื้อฉ่ำ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น โดยไม่ต้องการเพิ่มความอวบอิ่ม อยู่ได้ 6-12 เดือน
- Belotero รุ่น Revive ฟิลเลอร์เนื้อฉ่ำ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก อยู่ได้ 6 เดือน
- Definisse รุ่น Touch ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม แก้ไขริมฝีปากแห้ง เพิ่มวอลลุ่มให้ปาก อยู่ได้ 8-12 เดือน

ข้อควรรู้ : หากปากแห้งแตกเกิดจากสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับการขาดน้ำหรือสภาพอากาศแห้ง การใช้ ฟิลเลอร์ จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและบรรเทาอาการได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้รักษาปากแห้งแตกที่เกิดจากสาเหตุภายใน เช่น การขาดวิตามิน หรือการติดเชื้อ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมครับ
รักษาปากแห้งแตกที่ไหนดี ?
รักษาปากแห้งแตก ที่ไหนดี หมอมีแนวทางการพิจารณาคลินิกดังต่อไปนี้ครับ
- มีชื่อคลินิกและเลขใบอนุญาต 11 หลัก จากกระทรวงสาธารณสุข แสดงให้เห็นชัดเจน
- ดำเนินการโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ และมีใบประกอบวิชาชีพอย่างถูกต้อง
- แพทย์มีความรู้และประสบการณ์ สามารถประเมินสาเหตุและแก้ไขปัญหาตรงจุด
- มีรีวิวจากแหล่งที่เป็นกลาง น่าเชื่อถือ เช่น Pantip, Wongnai, Facebook Fanpage
- มีช่องทางติดต่อสะดวก สามารถปรึกษาหรือสอบถามข้อสงสัยกับแพทย์ได้โดยตรง
วิธีป้องกันปากแห้งแตก
การป้องกันปากแห้งแตก สามารถทำได้หลายวิธี เพื่อรักษาความชุ่มชื้นและหลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้ปากแห้งแตก ดังนี้
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ : รักษาระดับน้ำในร่างกายให้เหมาะสม โดยการดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน เพื่อให้ริมฝีปากชุ่มชื้น
- เสริมสารอาหารที่ขาด : รับประทานอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยบำรุงผิว เช่น ผักใบเขียว, ถั่ว, และผลไม้
- ใช้บาล์มบำรุงริมฝีปาก : ทาบาล์มที่มีส่วนผสมของเชียบัตเตอร์, กรดไฮยาลูโรนิก หรือวิตามินอี เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของริมฝีปาก
- ทาลิปมันกันแดด : ทาลิปที่ผสมสารกันแดด หรือสารป้องกันรังสียูวี เพื่อป้องกันไม่ให้แสงแดดมาทำร้ายริมฝีปาก
- หลีกเลี่ยงการเลียปาก : ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพราะการเลียปากจะทำให้ปากแห้งกว่าเดิมและยังทำให้ริมฝีปากมีสีคล้ำขึ้นด้วย
สรุป ปากแห้งแตก ขาดวิตามินอะไร ? รักษาอย่างไร ?
ปากแห้งแตก อาจเกิดจากการขาดวิตามินบี, วิตามินซี, วิตามินอี หรือ สังกะสี ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยบำรุงผิวและฟื้นฟูเซลล์ผิว สามารถแก้ไขได้ด้วยการทานอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่าง ๆ หากต้องการเห็นผลเร็ว หมอแนะนำการฉีดฟิลเลอร์ปาก ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากเรียบเนียนดูสุขภาพดี
อ้างอิง :
- https://www.healthline.com/nutrition/chapped-lips-vitamin-deficiency
- https://www.newhealthadvisor.org/dry-lips-vitamin-deficiency.html
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง Inbox Facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ
