SMAS
SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) คือ ชั้นเนื้อเยื่อสำคัญที่อยู่ลึกใต้ผิวหนัง มีบทบาทในการรองรับโครงสร้างของใบหน้าและกล้ามเนื้อ เมื่ออายุมากขึ้น ผิวชั้น SMAS จะค่อย ๆ เสื่อมสภาพ ทำให้ผิวหน้าที่เคยแน่นกระชับ เต่งตึง เรียบเนียน เกิดปัญหาที่เป็นสัญญาณของความแก่ตามมา เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงต้องให้ความสำคัญกับผิวหนังชั้น SMAS ครับ
สารบัญ SMAS
SMAS คืออะไร ?
SMAS ย่อมาจาก Superficial Musculoaponeurotic System เป็นชั้นเนื้อเยื่อพิเศษที่มีเส้นใยคอลลาเจนรวมตัวกันเป็นพังผืดเหนียว อยู่ระหว่างชั้นไขมันและชั้นกล้ามเนื้อ ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างกล้ามเนื้อและผิวหนังชั้นบน
ชั้น SMAS ถือเป็นโครงสร้างของผิวหนังชั้นสำคัญที่รองรับและยึดเกาะผิวหนังทั้งหมดของใบหน้าเอาไว้ เมื่อชั้นนี้แข็งแรง ผิวหนังด้านบนก็จะตึงกระชับ แต่หากชั้นนี้เสื่อมสภาพ ก็จะส่งผลให้เกิดการหย่อนคล้อยของผิวหนังตามมา
ชั้น SMAS อยู่ลึกแค่ไหน ?
ชั้น SMAS อยู่ลึกลงไปใต้ผิวหนัง อยู่ระหว่างชั้นไขมันใต้ผิวหนังและกล้ามเนื้อใบหน้า มีความลึกประมาณ 4.5 มิลลิเมตรจากผิวหนังชั้นบน
โดยชั้น SMAS เปรียบเสมือนแกนโครงสร้างของใบหน้า ทำหน้าที่พยุงและเชื่อมต่อเนื้อเยื่อของผิวกับกล้ามเนื้อ หากเกิดการหย่อนคล้อยบริเวณนี้ จะส่งผลให้ผิวภายนอกที่อยู่ด้านบนดูหย่อนคล้อยตามไปด้วย เช่น แก้มตก กรอบหน้าไม่ชัด หรือคางสองชั้น
ในทางศัลยกรรม ชั้น SMAS จึงเป็นชั้นที่แพทย์มักเลือกใช้เป็นจุดยึดหรือชั้นหลักในการผ่าตัดดึงหน้า (SMAS Facelift) เพราะการยกกระชับในชั้นนี้จะให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและอยู่ได้นานกว่าการดึงเฉพาะผิวหนังด้านบนครับ
ความสำคัญของชั้นผิวหนัง SMAS
SMAS เป็นชั้นโครงสร้างสำคัญที่มีบทบาททั้งในด้านการพยุงรูปหน้า และการส่งแรงเคลื่อนไหวจากกล้ามเนื้อไปยังผิวหนัง โดยทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมระหว่างกล้ามเนื้อใบหน้ากับผิวหนังชั้นตื้น ช่วยให้สีหน้าและการแสดงออกของใบหน้าดูเป็นธรรมชาติ
เมื่อชั้น SMAS มีความแข็งแรง ผิวหน้าจะดูเต่งตึง เรียบเนียน และมีโครงหน้าที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นแนวกราม กรอบหน้า หรือแนวขากรรไกร แต่เมื่อเวลาผ่านไป ชั้น SMAS จะเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่นจากกระบวนการเสื่อมตามวัย การเปลี่ยนแปลงของคอลลาเจน และแรงโน้มถ่วง ส่งผลให้เกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อย
การดูแลถึงชั้น SMAS จึงไม่ใช่แค่เรื่องความงาม แต่ยังเกี่ยวข้องกับความสมดุลของโครงสร้างใบหน้า ซึ่งแตกต่างจากการบำรุงผิวเพียงผิวเผินหรือดูแลแค่ผิวชั้นนอก โดยเฉพาะในหัตถการด้านความงาม เช่น การยกกระชับด้วยพลังงานอัลตราซาวด์ หรือการผ่าตัด SMAS Facelift ที่จะเน้นการจัดการกับชั้นนี้โดยตรง เพราะเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สามารถรีเซ็ตความกระชับของใบหน้าได้จริง
นอกจากนี้ การดูแลชั้น SMAS ยังช่วยชะลอกระบวนการเสื่อมของผิวในระยะยาว เนื่องจากการกระตุ้นในระดับนี้สามารถส่งผลต่อการสร้างคอลลาเจนใหม่ในบริเวณโดยรอบ ทำให้ผิวกลับมาดูอ่อนเยาว์ มีความยืดหยุ่น และชั้นผิวมีความแข็งแรงจากภายใน
ดังนั้น ความสำคัญของชั้น SMAS ไม่ได้มีแค่ในเชิงความสวยเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญของการคงความอ่อนเยาว์และความแข็งแรงของผิวในทุกช่วงวัยครับ
ปัญหาผิวที่พบในชั้น SMAS
เมื่อชั้น SMAS เสื่อมสภาพและหย่อนคล้อย จะทำให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ เช่น
- มีริ้วรอย ร่องลึกบนใบหน้า
- ร่องแก้มลึก ร่องน้ำหมาก
- ผิวหย่อนคล้อย หน้าตก แก้มตก
- มีเหนียง คางสองชั้น
- กรอบหน้าไม่ชัด หน้าไม่วีเชฟ
ปัญหาเหล่านี้มักไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยสกินแคร์หรือการบำรุงผิวชั้นตื้น เพราะต้นตอของปัญหาอยู่ลึกถึงชั้น SMAS จึงจำเป็นต้องใช้เทคนิคที่สามารถเข้าถึงชั้นผิวระดับนี้โดยตรง
ปัจจุบันเทคโนโลยียกกระชับหน้า มีความก้าวหน้าอย่างมาก ทำให้สามารถยกกระชับชั้น SMAS ได้โดยไม่ต้องผ่าตัด เช่น การทำ Hifu และ Ulthera ซึ่งมีจุดเด่นคือ
- ไม่ต้องใช้มีด ไม่มีแผล
- ไม่ต้องพักฟื้น ใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว
- ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
- คงอยู่ได้นานหลายเดือนถึงเป็นปี
ในกลุ่มผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง หรือไม่ต้องการผ่าตัด การยกกระชับถึงชั้น SMAS แบบไม่ต้องผ่าตัด ถือเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ครับ
เทคโนโลยีดึงหน้าชั้น SMAS แบบไม่ต้องผ่าตัด
ปัจจุบันเครื่องยกกระชับผิวถึงชั้น SMAS แบบไม่ต้องผ่าตัดมีหลายแบบ ที่ได้รับความนิยมและหมอหยิบยกมาอธิบายในบทความนี้ คือ Hifu และ Ulthera ที่สามารถยกกระชับ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน กุญแจสำคัญต่อความเยาว์วัยของผิว
สำหรับคนไข้ที่กลัวเข็ม ไม่อยากผ่าตัด เข้ามาปรึกษาหมอ หมอจะแนะนำเป็นเครื่องยกกระชับให้ ส่วนจะใช้เครื่องไหนดี หมอจะประเมินปัญหา สภาพผิว อายุ และเลือกเครื่องมือที่แก้ปัญหาได้ตรงจุด ตรงกับงบประมาณ
(พญ.วารุณี โพธินามทอง เลข ว.30044)
Hifu
Hifu เป็นเทคโนโลยีคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความถี่สูง (High Intensity Focused Ultrasound) ที่ถูกออกแบบมาให้สามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้ในทุกชั้นผิว จุดโฟกัสพลังงานที่ยิงใต้ชั้นผิว จะมีขนาด 0.5-1 mm พลังงานมีความคงที่ คล้ายจุดไข่ปลาเล็ก ๆ ลงลึกถึงชั้น SMAS
เมื่อยิงพลังงานลงชั้นผิวจะไปกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblasts) ให้สร้างเส้นใยคอลลาเจนที่แน่นกว่าเดิม กระชับกว่าเดิม ทำให้ผิวยกกระชับ รูขุมขนดีขึ้น ผิวเนียนนุ่มขึ้น หน้าเรียบเนียนใสอย่างเป็นธรรมชาติ โดยเครื่องนี้จะเหมาะกับผู้ที่อายุยังไม่เยอะ ผิวหน้าเริ่มมีความหย่อนคล้อย มีริ้วรอยเล็ก ๆ
หลังทำเห็นผลทันที 20% ผิวจะค่อย ๆ ยกกระชับขึ้นใน 1-2 เดือน ตามคอลลาเจนใหม่ที่สร้างขึ้น เห็นผลเต็มที่ใน 2-3 เดือน คงผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6 เดือน สามารถทำซ้ำได้ทุก 3 เดือนเพื่อเป็นการกระตุ้นคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันเครื่อง Hifu ที่คลินิกชั้นนำเลือกใช้จะมี Ultraformer III และ Ultraformer MPT ครับ
Ulthera
Ulthera ใช้พลังงานเดียวกับ Hifu การทำงานมีความคล้ายคลึงกัน แต่จุดโฟกัสมีขนาดใหญ่กว่าอยู่ที่ 1 mm ยิงลงลึกถึงใต้ผิวหนังชั้น SMAS และมีหน้าจอแสดงให้แพทย์มองเห็นชั้นผิวแบบเรียลไทม์ ทำให้ทุกไลน์ที่ยิงจึงมีความแม่นยำสูง ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ ช่วยยกกระชับผิวหน้า ลดเลือนริ้วรอย และกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาว อยู่ได้นานประมาณ 1 ปี
เห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยจะสังเกตเห็นว่าผิวค่อย ๆ ดีขึ้น กระชับขึ้นใน 1 เดือน และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนเต็มที่ใน 2-3 เดือน จะเหมาะกับผู้ที่อายุเยอะขึ้น ผิวหน้าหย่อนคล้อย มีริ้วรอยมาก
เครื่อง Ulthera ที่นิยมในปัจจุบันมี 2 รุ่น รุ่นล่าสุด Ulthera Prime ซึ่งพัฒนาต่อยอดมาจาก Ulthera SPT เครื่องเดิม โดยได้มีการปรับดีไซน์หน้าจอแสดงผลใหญ่ขึ้น 35% ทำให้แพทย์เห็นชั้นผิวชัดขึ้น ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการรักษา และปรับให้พลังงานเสถียรขึ้น ประมวลผลเร็วขึ้น 20% ทำให้ยิงไวกว่าเดิมความเจ็บก็ลดน้อยลงครับ
อ่านบทความเพิ่มเติม : Ulthera ราคาเท่าไหร่ ? ยกกระชับผิว ใช้กี่ไลน์เห็นผล
ราคาทำ Ulthera จะสูงกว่าทำ Hifu เนื่องจากให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า สามารถทำร่วมกันได้ครับ หมอจะประเมินจำนวนไลน์ที่เหมาะสมของแต่ละหัตถการ ช่วยให้คนไข้ได้ผลลัพธ์การยกกระชับที่มีประสิทธิภาพในราคาที่คุ้มค่ามากขึ้น
สรุป SMAS ชั้นผิวสำคัญ ดึงหน้าให้เรียบตึง ดูอ่อนเยาว์
การยกกระชับผิวให้ถึงชั้น SMAS ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นตอ ไม่ใช่แค่ปรับผิวชั้นตื้นด้านบนเท่านั้น เพราะเทคโนโลยียกกระชับของ Hifu และ Ulthera ได้รับการพัฒนาเพื่อให้เข้าถึงชั้น SMAS โดยไม่ต้องผ่าตัด ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ เจ็บน้อย ไม่ต้องพักฟื้น และสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว
หากต้องการดูแลผิวให้กระชับ เต่งตึง เรียบเนียน การเลือกเทคโนโลยีที่สามารถเข้าถึงชั้น SMAS ได้อย่างแม่นยำ จึงเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ตรงจุดครับ
อ้างอิง
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK519014/
- https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/39034504/
- https://ultherapy.com/
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง Inbox Facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ
