
ไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid)
ไฮยาลูรอนหรือกรดไฮยาลูรอนิค น่าจะเป็นคำที่หลายคนคุ้นหู ทั้งจากวงการความงามและตามโฆษณาครีมต่างๆ แต่ทราบหรือไม่ว่าจริงๆ แล้วกรดไฮยาลูรอน คืออะไร? มีสรรพคุณสร้างความชุ่มชื้น ชะลอความแก่ สร้างอนุมูลอิสระได้จริงหรือไม่ หมอมีคำตอบในบทความนี้ครับ
ไฮยาลูรอนิค คือ ?

กรดไฮยาลูรอน หรือ กรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid) เรียกกันสั้นๆว่า “HA” เป็นสารธรรมชาติชนิดหนึ่ง ที่มีอยู่ในร่างกายมนุษย์ โดยเฉพาะบริเวณดวงตาและข้อต่อจะพบว่ามี HA เข้มข้นสูงสุด มีส่วนสำคัญในการเพิ่มความต้านทานต่อการเสียดสี โดยเฉพาะที่ ข้อต่อ ข้อเข่า
ต่อมาจึงมีการคิดค้น “กรดไฮยาลูรอนสังเคราะห์” เพื่อทดแทนไฮยาลูโรนิค เอซิด ที่ร่างกายสร้างขึ้นโดยมีคุณสมบัติเด่นในด้านการอุ้มน้ำได้ดี ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น รักษาความชุ่มชื้น ป้องกันริ้วรอยบนผิวหนัง เช่น ริ้วรอยที่ร่องแก้มและบริเวณรอบดวงตา ที่มักปรากฏชัดขึ้นบนใบหน้า จากการแสดงสีหน้า อารมณ์ การขมวดคิ้ว รวมถึงมีการนำไฮยาลูรอน มาใช้สำหรับโรคข้อต่างๆ ด้วยครับ
ชนิดของไฮยาลูรอน
นอกจาก Hyaluronic Acid ยังมีไฮยาลูรอนชนิดอื่น ๆ เช่น
- Hydrolyzed Hyaluronic Acid ช่วยรักษาและเพิ่มความชุ่มชื้นภายในผิว เหมาะกับผู้ที่มีผิวมันหรือผิวผสม
- Sodium Hyaluronate ช่วยดึงน้ำจากภายนอกเข้าสู่ผิวและช่วยสร้างฟิล์มบนผิวเพื่อป้องกันการระเหยออกของน้ำ มักจะเป็นส่วนผสมในเซรั่ม เหมาะกับผิวธรรมดาที่ไม่ได้ต้องการการบำรุงมาก
- Sodium Hyaluronate Crosspolymer ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นที่ผิวชั้นนอกได้ดี ป้องกันน้ำระเหยออกจากผิว โดยการสร้างฟิล์มให้ความชุ่มชื้น
- Sodium Acetylated Hyaluronate ช่วยทำให้ความชุ่มชื้นเกาะติดที่ผิวได้ดี เหมาะกับคนที่มีผิวแห้ง ต้องการความชุ่มชื้นมาก
- Potassium Hyaluronate เพิ่มความชุ่มชื้นจากผิวด้านในไปยังผิวด้านนอก รักษาระดับความชุ่มชื้นในชั้นผิว
- Hydroxypropyltrimonium Hyaluronate ช่วยสร้างชั้นฟิล์มเคลือบผิว เพื่อกักเก็บน้ำ รักษาความชุ่มชื้น
- Hydrolyzed Sodium Hyaluronate โมเลกุลขนาดเล็กมาก ให้ความชุ่มชื้นเข้าสู่ภายในผิวได้ลึกถึงชั้น epidermis และ dermis ป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้นจากภายใน
กระบวนการทำงานของไฮยาลูรอน
กรดไฮยาลูรอนจัดอยู่ในกลุ่มสารประกอบที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ (Polymer) ที่สามารถเชื่อมโยงองค์ประกอบทางเคมีอื่น ๆ ช่วยดึงดูดและจับกับโมเลกุลของน้ำและเพิ่มปริมาณน้ำในผิวหนัง เพิ่มความชุ่มชื้นโดยไม่เพิ่มความมันบนผิวชั้นนอก

ไฮยาลูรอนคอยยึดคอลลาเจนไว้ด้วยกัน ซึ่งคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบสำคัญของผิวหนัง ผม เล็บ กระดูก ข้อต่อ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น จะพบกระจายอยู่ทั่วไปในเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เนื้อเยื่อบุผิว เนื้อเยื่อประสาท นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่ม Aquaporin-3 ซึ่งเป็นช่องทางการไหลของน้ำสู่ผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้น และควบคุมการยืดหยุ่นของผิวให้ดียิ่งขึ้น
เปรียบเทียบไฮยาลูรอนกับสารบำรุงชนิดอื่น
โดยทั่วไปในครีมหรือเซรั่มต่าง ๆ จะมีการผสมสารบำรุงต่าง ๆ ที่ก็จะออกฤทธิ์หรือให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไปครับ หมอจะยกตัวอย่างสารตัวที่เห็นบ่อย ๆ ว่ามีประโยชน์อย่างไร ต่างกับไฮยาลูรอนไหม
- Aquaporin ช่วยเติมน้ำให้ผิว รักษาระดับความชุ่มชื้นเพื่อให้ผิวเนียนนุ่มและมีความยืดหยุ่น
- Glycerol มีคุณสมบัติในการดูดหรือกักเก็บความชื้นเข้าสู่ผิว ช่วยให้สารบำรุงอื่น ๆ ซึมเข้าสู่ชั้นผิวได้ดีขึ้น และกระตุ้น การทำงานของ Aquaporin
- Retinol สารในกลุ่มอนุพันธ์ของวิตามิน A ตัวนี้จะพบบ่อย ๆ ในครีมลดเลือนริ้วรอย (Anti-Aging) กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตันของรูขุมขน ลดสิว
- Arbutin ช่วยลดเม็ดสี แก้ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ ทำให้ผิวกระจ่างใส สม่ำเสมอมากขึ้น
- Vitamin มีหลายชนิด เช่น วิตามิน C, วิตามิน E ช่วยเรื่องบำรุงผิวหน้า ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันแสงแดด ทำให้ผิวกระจ่างใส มีน้ำมีนวล
จะเห็นได้ว่าสารบำรุงแต่ละตัวก็จะช่วยแก้ปัญหาในเรื่องที่แตกต่างกันไปครับ การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนมีปัญหาแบบไหน สภาพผิวเป็นอย่างไร แต่ไฮยาลูรอน ถือเป็นฐานที่สำคัญของโครงสร้างผิว ทำให้เนื้อเยื่อเติบโตได้ และช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหาย

“ ข้อควรรู้ : สำหรับคนที่ต้องการงานผิว ความชุ่มชื้นถือเป็นสิ่งสำคัญครับ เพราะผิวที่แห้งกร้าน นอกจากจะทำให้ผิวไม่เรียบเนียน มีรูขุมขนกว้าง ยังทำให้เกราะป้องกันผิวอ่อนแอ เสี่ยงต่อการถูกทำลายจากสภาพแวดล้อมภายนอก ซึ่งนำไปสู่ปัญหาผิวอื่น ๆ เช่น สิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือริ้วรอย”

- เป็นส่วนผสมของครีมบำรุง/เซรั่ม
ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าในครีมหรือเซรั่มหลาย ๆ ตัว ทั้งครีมบำรุงผิว, Eye creams มักมีส่วนประกอบของไฮยาลูรอน ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่นและมอยเจอร์ไรเซอร์ (Moisturizers) ให้แก่ผิว โดยมีการพัฒนาทำให้กรดไฮยาลูรอนมีขนาดโมเลกุลเล็กลงจนสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้จากภายนอกครับ
- Sheet masks สำหรับมาส์กหน้า
การมาส์กหน้า จะช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว กำจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายออก ในมาส์กหน้าที่มีส่วนผสมของ hyaluronic acid จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น กักเก็บน้ำไว้ในผิว
- Cleansers
ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าหลาย ๆ ตัวก็มีส่วนผสมของ hyaluronic acid ช่วยทำสามารถทำความสะอาดผิวได้อย่างอ่อนโยน ผิวไม่แห้ง ไม่ตึง หรือสูญเสียความชุ่มชื้นไป
- Lip treatments
ริมฝีปากเป็นอีกหนึ่งจุดที่บอบบางและแห้งแตกง่าย ในลิปบำรุงที่มีไฮยาลูรอน จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึก ทำให้ริมฝีปากนุ่มและเรียบเรียน
- การฉีดฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์ก็เป็นสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนอีกชนิดหนึ่งครับ มีลักษณะเป็นเนื้อเจล ใช้ฉีดเพื่อเสริมชั้นกระดูก ส่วนที่เนื้อยุบลงไปจากอายุที่มากขึ้น ลดริ้วรอย หรือจะใช้เสริมส่วนที่มีปัญหาบนใบหน้า เช่น เสริมคาง เสริมขมับ เสริมหน้าผาก ซึ่งถ้าเทียบกับการทาครีมที่มีกรดไฮยาลูรอนแบบทั่วไปแล้ว การฉีดฟิลเลอร์ เป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดและเห็นผลลัพธ์ดีกว่ามากครับ
ฟิลเลอร์สามารถใช้ฉีดได้หลายจุดบนใบหน้า 7 จุด ที่ฉีดแล้วเห็นผลชัดเจนที่สุด ได้แก่ ฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์คาง ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฟิลเลอร์หน้าผาก ฟิลเลอร์ขมับ ฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์จมูก
บทความแนะนำ
ฟิลเลอร์คืออะไร ฉีดแล้วอันตรายหรือไม่ ?
“ ข้อควรรู้ : ไฮยาลูรอน กินได้ไหม ? สามารถกินได้ครับ มีอยู่ในส่วนผสมของอาหารเสริม วิตามิน หรือตัวยาต่าง ๆ ที่ช่วยในการรักษาโรคด้วย”

ฟิลเลอร์สามารถใช้ฉีดได้หลายจุดบนใบหน้า 7 จุด ที่ฉีดแล้วเห็นผลชัดเจนที่สุด ได้แก่ ฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์คาง ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฟิลเลอร์หน้าผาก ฟิลเลอร์ขมับ ฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์จมูก
“Hyaluronic Acid : HA” ไฮยาลูรอนหรือกรดไฮยาลูโรนิก เป็นสารที่มีการนำมาใช้กันยาวนาน โดยเป็นโมเลกุลของน้ำตาลชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า polysaccharide มีอยู่ในเนื้อเยื่อของร่างกาย โดยปกติร่างกายมนุษย์จะมีไฮยาลูรอนอยู่แล้ว จึงไม่ใช่สารที่อันตรายครับ
ต่อมามีการผลิตไฮยาลูรอนสังเคราะห์ เพื่อนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการดูแลผิวและลดริ้วรอย โดยองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) ได้อนุมัติว่าเป็นสารที่มีความปลอดภัย นิยมใช้ในวงการแพทย์และทางด้านความงามอย่างแพร่หลาย
ในปัจจุบันมีการผลิตฟิลเลอร์ ซึ่งเป็นสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอน ออกมาจากหลายประเทศครับ ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ในบทความ ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีที่สุด เหมาะกับบริเวณใด?

การใช้ไฮยาลูรอนมีโอกาสที่จะแพ้ไหม ?
เนื่องจากไฮยาลูรอนเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ จึงจะไม่ทำให้เกิดการแพ้ครับ สำหรับในบางเคสที่พบปัญหาหรือผลข้างเคียงหลังใช้ มีผื่น แดง อาจเกิดจากปัจจัยอื่น อย่างการแพ้สารกันบูดที่ผสมมาในผลิตภัณฑ์ หรือแพ้สารใด ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างขั้นตอนการผลิตที่ทำให้เกิดการระคายเคืองได้ โดยเฉพาะในครีม เซรั่ม ที่อาจมีส่วนผสมของสารอื่น ๆ เช่น น้ำหอม แอลกอฮอล์
การฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอน มีผลข้างเคียงหรือไม่ ?
การใช้ไฮยาลูรอนแท้ที่ผ่านการรับรอง ไม่มีผลข้างเคียงที่อันตรายครับ แต่ถ้าฉีดฟิลเลอร์แล้วมี อาการแพ้ฟิลเลอร์ อาจเกิดจากการสังเคราะห์ ไฮยาลูโรนิค เอซิด ซึ่งได้มาจากการสกัดแบคทีเรีย Bacillus subtilis ในผู้ใช้บางรายมีอาการแพ้ยาจากโปรตีนของแบคทีเรียที่ใช้สังเคราะห์ไฮยาลูรอน ดังนั้นก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ใด ๆ ควรตรวจสอบส่วนประกอบ และห้ามใช้กับสตรีมีครรภ์ และเด็กครับ
เมื่ออายุมากขึ้นองค์ประกอบสำคัญของโครงสร้างผิว ทั้งคอลลาเจนและไฮยาลูโรนิค เอซิด จะลดลงเรื่อย ๆ ตามวัย ทำให้ผิวเริ่มสูญเสียความแข็งแรง ความชุ่มชื้น ความกระชับและยืดหยุ่น รวมไปถึงความหนาแน่นของเซลล์บนผิวหน้า สิ่งที่จะตามมา คือ ริ้วรอยที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้หน้าดูมีอายุ ไฮยาลูรอนจึงมีความสัมพันธ์อย่างยิ่ง ต่อริ้วรอยที่เกิดขึ้นบนผิวหนัง
ไฮยาลูรอนหรือกรดไฮยาลูโรนิค โดยธรรมชาติแล้วจะสามารถละลายน้ำได้ และร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้ใหม่ โดยจะมีอายุอยู่ได้ประมาณ 24 วันตามสภาพร่างกาย แต่ไฮยาลูรอนจะหมดอายุ หรืออายุสั้นลงด้วยภาวะของความเครียดและอายุที่มากขึ้นครับ

- ไฮยาลูรอน มีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้ดีมาก แนะนำให้ใส่ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ที่ความเข้มข้น 0.25% ถึง 2.00% ทั้งในครีมบำรุง และเครื่องสำอางหลากหลายรูปแบบ
- ไฮยาลูรอน ช่วยกรองรังสี UV ที่เป็นต้นเหตุทำให้ผิวหนังคล้ำเสีย และเป็นริ้วรอยก่อนวัย
- ไฮยาลูรอน ช่วยลดการสร้างอนุมูลอิสระ
- ไฮยาลูรอน ช่วยตรึงคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวหนังแท้
- ไฮยาลูรอน ที่มีโมโลกุลใหญ่สามารถใช้เติมเต็มชั้นผิวได้
- ไฮยาลูรอน ช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นไว้บนผิวหนัง ทำให้ผิวไม่แห้ง เรียบเนียน มีความยืดหยุ่นและป้องกันการเกิดริ้วรอย
- ช่วยเรื่องการสมานผิว และฟื้นฟูผิวได้เร็วยิ่งขึ้น กรดไฮยาลูรอนจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของเซลล์ผิวหนัง ให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้นถึง 80%
- กรดไฮยาลูรอนิคจะไปช่วยเพิ่มการนำสารอาหารเข้าสู่เซลล์ผิว ในส่วนที่ไม่ได้ติดต่อกับเส้นเลือดโดยตรง ช่วยทำให้ผิวดูเต่งตึง มีชีวิตชีวา
- ช่วยลดการสร้างอนุมูลอิสระ และกรองรังสี UV ที่จะทำร้ายผิว
- ในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมหรือยา ช่วยลดอาการปวดข้อ ลดการอักเสบ การป้องกันการสูญเสียมวลกระดูก
- ยารักษาโรคข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis of the knee), ภาวะอักเสบรอบข้อไหล่ (Scapulohumeral periarthritis), ต้อกระจก
- เป็นส่วนประกอบในครีม เจล โลชั่น แชมพู ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น
- ยาหยอดตาที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอน ช่วยบรรเทาอาการตาแห้ง
- เจลรักษาแผลในปาก หรือช่วยสมานแผลและบรรเทาอาการแผลไฟไหม้
- ผิวแห้งมาก ขาดความชุ่มชื้น
- มีริ้วรอย ความหย่อนคล้อยบนผิว
- มีร่องลึก และส่วนที่เนื้อยุบลงจากอายุที่มากขึ้น
- เสริมคาง หน้าผาก ขมับ ด้วยฟิลเลอร์โดยไม่ต้องผ่าตัด
- อยากรักษาสภาพผิวให้คงความอ่อนวัย และช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย
สรุป เลือกการดูแลผิวหน้าที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนแบบไหนดีที่สุด ให้เหมาะสมกับตัวเอง ?
กรดไฮยาลูรอน ถือเป็นพื้นฐานสำคัญของโครงสร้างผิว โดยเฉพาะเรื่องความชุ่มชื้นและริ้วรอย สำหรับคนไข้ที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องลึก หรือผิวแห้งมาก การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนควรเลือกตัวที่เหมาะกับปัญหาผิวของตัวเอง เพราะแต่ละคนมีลักษณะผิวไม่เหมือนกัน และควรดูส่วนผสมอื่น ๆ ประกอบ โดยเฉพาะในครีม ที่มีสารอื่น ๆ อยู่ด้วย ว่ามีสารที่แพ้หรือไม่
สำหรับใครที่ต้องการแก้ปัญหาแบบตรงจุดและเห็นผลชัดเจน ในการเสริมความงาม ปรับรูปหน้า ปรับสภาพผิว เพิ่มความชุ่มชื้นเร่งด่วน ลดริ้วรอย ร่องลึก ก็สามารถเลือกการเติมฟิลเลอร์ได้เลย แต่ก็ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน มั่นใจว่าใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ผ่าน อย. และมีความปลอดภัยครับ
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้ง 24 สาขา หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ