ร้อยไหม กับ Hifu แบบเหมาะกับใคร ? เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย แต่ละแบบต่างกันอย่างไร ?

ร้อยไหม กับ Hifu

ร้อยไหม กับ Hifu ถือว่าเป็นการเสริมความงามที่ถูกยกขึ้นมาเปรียบเทียบกันอยู่บ่อย ๆ ครับ ทั้งในแง่ข้อดี-ข้อเสีย, ผลลัพธ์-ผลข้างเคียงหลังทำหัตถการ ตลอดไปจนถึงเลือกทำแบบไหนดีที่ผลลัพธ์คุ้มค่า คุ้มราคากว่ากัน ซึ่งแน่นอนว่าทั้งสองหัตถการมีความโดดเด่นในเรื่องการยกกระชับใบหน้า แก้ปัญหาแก้มหย่อนคล้อย ปรับรูปหน้าให้เรียวสวย โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด

สำหรับใครที่กำลังหาข้อเปรียบเทียบระหว่างร้อยไหมกับ Hifu ว่าเลือกทำแบบไหนดี ในบทความนี้หมอได้สรุปเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย ของทั้งสองหัตถการไว้อย่างกระชับ เพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจครับ

1. ร้อยไหม กับ Hifu มีหลักการทำงานต่างกันอย่างไร ?

ร้อยไหม

ร้อยไหม คือ การใช้ไหมละลายร้อยเข้าไปในชั้นผิวหนังโดยใช้เข็มนำเส้นไหม ร้อยในบริเวณที่มีปัญหา หลังร้อยไหมผิวจะถูกเงี่ยงเกี่ยวขึ้นมาตามเส้นไหมในทิศทางที่ร้อยไหมเข้าไป คล้าย ๆ ตะขอเกี่ยว และบริเวณนั้นจะเกิดการสร้างเส้นใยอิลาสตินขึ้นมาช่วยประคองผิว สามารถทำได้ทั้งการร้อยไหมปรับรูปหน้า ร้อยไหมดึงหน้า ร้อยไหมกระชับหน้า ร้อยไหมจมูก

ผลลัพธ์ร้อยไหมอยู่ได้นานแค่ไหนขึ้นอยู่กับชนิดไหมที่เลือกใช้ครับ ถ้าเป็นไหม PDO จะอยู่ได้ 4-5 เดือน ส่วนไหม PCL อยู่ได้ 1 ปี หากอยากให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น สามารถร้อยไหมเข้าไปตามแนวเดิม จะทำให้ผิวจะยึดเกาะไหมได้ดีขึ้นและอยู่ได้นานขึ้นครับ

อ่านบทความเพิ่มเติม : ข้อห้าม-ข้อควรปฏิบัติ หลังร้อยไหม หน้าบวมกี่วัน กี่วันเห็นผล ดูแลอย่างไร ?

Hifu

Hifu คือเครื่องมือยกกระชับผิวที่สามารถใช้ได้บริเวณใบหน้า เหนียง คอ ต้นแขน และต้นขา มีหลักการทำงานโดยปล่อยพลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง ส่งลงไปในชั้นผิวหนัง SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ทำให้ชั้นไขมัน และชั้น SMAS เกิดการหดตัว เสมือนเป็นการดึงหน้า ส่งผลให้ผิวดูยกกระชับและอ่อนเยาว์มากขึ้น

หลังทำ Hifu จะเห็นผลทันทีประมาณ 20% ในครั้งแรกที่ทำ หลังจากอาการบวมยุบลง ผิวจะดูกระชับขึ้นภายใน 1-2 เดือน เห็นผลเต็มที่ประมาณเดือนที่ 3-4 และคงผลลัพธ์อยู่ได้นาน 5-6 เดือนครับ แต่สำหรับเคสที่สนใจทำซ้ำอีกเพื่อให้ผลลัพธ์ดีขึ้น ชัดเจนยิ่งขึ้น สามารถกลับมาทำซ้ำได้ทุก ๆ 3 เดือน

อ่านบทความเพิ่มเติม : หลังทำ Hifu มีข้อห้ามและข้อปฏิบัติอย่างไร ให้เห็นผลไว อยู่ได้นาน

2. ร้อยไหม กับ Hifu มีความโดดเด่นในเรื่องใด ?

ร้อยไหม

• ช่วยปรับรูปหน้าเรียว วีเชฟ
• ยกกระชับ แก้ปัญหาแก้มหย่อนคล้อยให้กลับมาเต่งตึง
• ร้อยไหมจมูก เสริมจมูกให้โด่งสวย
• ช่วยลดริ้วรอย กระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว
• เหมาะสำหรับคนที่ผิวหย่อนคล้อย มีแก้มหย่อนมาก ๆ ร้อยไหมแล้วเห็นผลได้ชัดเจน
• ร้อยไหม foxy eyes, ร้อยไหมยกหางตา แก้ปัญหาคิ้วตก เพิ่มความเฉี่ยวให้ตาดูคมขึ้น
• ร้อยไหมยกมุมปาก, แก้ริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณมุมปาก

Hifu

• ช่วยยกกระชับผิวให้หน้าเรียว กรอบหน้าชัด รวมถึงช่วยกระชับหน้าท้อง, สะโพก, ต้นแขน, ท้องแขน, ต้นขา
• แก้ปัญหาความหย่อนคล้อยของผิว แก้มห้อย แก้มย้อย หน้าไม่กระชับ
• ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวหน้ายืดหยุ่นมากขึ้น รูขุมขนกระชับ ผิวเนียนนุ่มขึ้น หน้าเรียบเนียนใสอย่างเป็นธรรมชาติ
• แก้ไขปัญหาริ้วรอยบนผิวหน้า และรอบดวงตา
• แก้ปัญหาหนังตาตก ทำให้คิ้วยกขึ้น ดวงตาโต
• ช่วยลดปัญหาชั้นไขมันใต้คาง ลดเหนียง ลดคาง 2 ชั้น

3. ร้อยไหม กับ Hifu มีข้อดี-ข้อเสีย ต่างกันอย่างไร ?

ร้อยไหม ข้อดี- ข้อเสีย

Hifu ข้อดี- ข้อเสีย

4. ร้อยไหม กับ Hifu ทำร่วมกันได้ไหม ?

สามารถทำได้ครับ แต่ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ เพื่อประเมินและเรียงลำดับการทำได้อย่างถูกต้อง เห็นผลมากที่สุด และปลอดภัยมากที่สุด ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทีมแพทย์ V Square Clinic ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

5. ร้อยไหม กับ Hifu แบบไหนดีกว่ากัน ?

ถ้าถามว่าร้อยไหม กับ Hifu แบบไหนดีกว่ากัน คำตอบคือดีทั้งคู่ครับ ขึ้นอยู่กับปัญหาใบหน้าของคนไข้ ถ้าหากมีริ้วรอยที่ไม่ลึกมาก แต่ต้องการกระชับใบหน้า มีกรอบหน้าที่ชัดขึ้น ก็สามารถใช้ Hifu ช่วยในการลดริ้วรอยได้ ส่วนการร้อยไหมจะเหมาะสำหรับคนที่แก้มหย่อนมาก ๆ เห็นร่องแก้มชัด มีแก้มห้อย แก้มย้อย การร้อยไหมจะเห็นผลมากกว่าครับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ตามความเหมาะสม

รวมไปถึงความคุ้มค่าอื่น ๆ ที่ต้องพิจารณา เช่น ร้อยไหมราคาเท่าไหร่, Hifu ราคาเท่าไหร่, จำนวนครั้งที่ต้องทำ, ระยะเวลาผลลัพธ์จะอยู่ได้ ซึ่งต้องวิเคราะห์เป็นรายบุคคลครับ

สรุป

สำหรับใครที่มีปัญหาริ้วรอยหรือต้องการปรับรูปหน้า แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่า ร้อยไหม กับ Hifu อย่างไหนคุ้มค่าและเห็นผลดีกว่ากัน ความจริงแล้วเราไม่จำเป็นต้องเลือกทำได้อย่างใดอย่างหนึ่งเพีงอย่างเดียว แต่สามารถทำได้ทั้ง ร้อยไหม กับ Hifu ควบคู่กันไปได้ครับ เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น

ทั้งนี้ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์เท่านั้น เพื่อประเมินและเรียงลำดับการทำได้อย่างถูกต้อง เห็นผลมากที่สุด ปลอดภัยและคุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทีมแพทย์ V Square Clinic ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งครับ