ทำ Hifu กี่ช็อต (ไลน์) ถึงเห็นผล Hifu บุฟเฟ่ต์ดีจริงไหม ทำไมบางคนทำแล้วไม่เห็นผล ?

Hifu กี่ช็อตถึงเห็นผล

ทำ Hifu กี่ช็อตถึงเห็นผล ? เป็นคำถามที่หมอมักจะเจอบ่อย ๆ ครับ เพราะคนไข้ที่เข้ามาทำ hifu จะมีความคาดหวังในผลลัพธ์หลังทำ อยากให้คุ้มค่า คุ้มราคามากที่สุด

แต่การทำ Hifu ให้ได้ผลลัพธ์ดี ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนช็อตเพียงอย่างเดียว ต้องแลกมาด้วยความเจ็บระดับนึง (ระดับความเจ็บขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล) ถ้าทำแล้วไม่รู้สึกเจ็บเลย แสดงว่าเครื่องอาจไม่ได้มาตรฐาน หลังทำก็จะไม่เห็นผล

สำหรับใครที่สนใจทำ Hifu แล้วมีข้อสงสัยว่า ทำ Hifu กี่ช็อตถึงเห็นผล ? Hifu ยิ่งทำช็อตเยอะ ยิ่งเห็นผลจริงไหม ? Hifu บุฟเฟ่ต์ดีจริงไหม ทำไมราคาถึงต่างกัน ? ทำไมบางคนทำ Hifu แล้วไม่เห็นผล เกิดจากอะไร ? การดูแลตัวเองหลังทำ hifu เพื่อให้เห็นผลลัพธ์นาน หมอจะมาให้คำตอบในบทความนี้ครับ

Hifu กี่ช็อต (ไลน์) ถึงเห็นผล ?

การทำ Hifu เพื่อให้เห็นผลดี จำนวนช็อต (ไลน์) ที่ใช้ในแต่ละเคส หมอจะเป็นคนประเมินครับ เพราะคนไข้แต่ละรายจะมีปัญหาใบหน้าที่ต่างกัน เช่น ปริมาณไขมัน ความหย่อนคล้อย สภาพผิว รวมถึงแต่ละตำแหน่งที่ทำ จำนวนช็อตก็จะต่างกันไปด้วย

สำหรับใครที่ต้องการทราบจำนวนช็อต (ไลน์) เพื่อประเมินค่าใช้จ่ายในเบื้องต้น หมอสรุปการใช้จำนวนช็อตแต่ละตำแหน่ง ดังนี้ครับ

• แก้ม หรือ เหนียง ประมาณ 100 line
• แก้ม และ เหนียง ประมาณ 300 line
• ใต้ตา และ ร่องแก้ม ประมาณ 300 line
• ทั่วหน้า หรือ ต้นแขน ประมาณ 700 line
• ทั่วหน้า + คอ หรือ ต้นขา ประมาณ 1,000 line 

การทำ Hifu ถ้าเลือกใช้จำนวนไลน์ที่ไม่เหมาะสมกับปัญหา ใช้น้อยเกินไป อาจทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้สั้นลง หรือไม่เห็นผลชัดเจนตามคาดหวัง หากต้องการเห็นผลลัพธ์ที่ดี ควรเลือกทำกับหมอที่มีประสบการณ์ สามารถคำนวณจำนวนไลน์ที่ใช้ได้อย่างเหมาะสม แม่นยำ และแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดครับ

ทำไมคลินิกบางแห่งเรียก Hifu เป็นช็อต บางแห่งเรียกเป็นไลน์

เหตุผลที่ทำให้คลินิกบางแห่งเรียก hifu เป็นช็อต บางแห่งเรียกเป็นไลน์ อย่างแรกคืออาจเกิดจากความคุ้นเคยจากการใช้เครื่องเลเซอร์หน้าที่นับการยิง 1 ครั้ง เป็น 1 ช็อต ทำให้เรียกการทำ hifu เป็นช็อตไปด้วย (จริง ๆ หน่วยของ Hifu สามารถนับได้ทั้ง line และ shot มีความหมายเดียวกัน) และอย่างที่ 2  คือเกิดจากแต่ละคลินิกใช้เครื่อง hifu ที่ใช้ต่างกันครับ 

ในกรณีที่คลินิกใช้เครื่อง hifu ที่ต่างกัน หมอขออธิบายอย่างนี้ครับ 

เครื่อง Hifu ที่นิยมใช้ในไทยมีหลายยี่ห้อ หลายเกรด แต่ละยี่ห้อจะมีหัวยิงที่ต่างกัน เช่น หัวยิงแบบ Single Shot และหัวยิงแบบ Line Cartridge

(เครื่อง Hifu แบบ Single Shot จะส่งพลังงานออกมาเป็นจุด (ช็อต))

• เครื่อง Hifu หัวยิงแบบ Single Shot

เครื่อง hifu ทั่วไป จะมีหัวยิงแบบ Single Shot มีลักษณะเรียวเล็กคล้ายหัวปากกา มีการส่งพลังงานออกมาเป็นจุด (ช็อต)

(เครื่อง hifu แบบ Line Cartridge จะส่งพลังงานออกมาเป็นเส้น (line) เรียงกันใต้ชั้นผิว)

• เครื่อง Hifu หัวยิงแบบ Line Cartridge

เครื่อง hifu ที่มีหัวยิงแบบ Line Cartridge จะนับเป็น Line (ไลน์) เพราะการยิง Hifu ลงสู่ชั้นผิวจะยิงเป็นเส้น (line)  1 line คือ 1 เส้น ใน 1 เส้นนั้นจะประกอบด้วยจุดพลังงาน 0.5-1 mm เรียงกัน 15-25 จุดโดยจะมีความยาวประมาณ 2.5 cm (1 line = 1 เส้น) ดังนั้น 1 line = 15-25 จุดเรียงกัน จึงให้ผลลัพธ์ดีกว่า Hifu ทั่วไปถึง 5 เท่า 

แต่บางคลินิกที่ไม่มีความโปร่งใส ไม่จริงใจกับคนไข้ จะนับ 1 จุด = 1 line อันนี้ต้องระวังครับ เพราะคนไข้จะได้จำนวน line น้อยกว่าราคาที่จ่ายไป หรือเครื่อง Hifu บางยี่ห้อ จะนับ 1 จุด = 1 line อันนี้ก็ต้องระวังเช่นกันครับ

Hifu บุฟเฟ่ต์ดีจริงไหม ทำไมราคาถึงต่างกัน ?

หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมแต่ละคลินิกมีราคา Hifu ที่ต่างกัน บางที่ราคาแพง และบางที่ราคาถูกมาก ซึ่งส่วนใหญ่มักจะมาในรูปแบบ Hifu บุฟเฟ่ต์ ไม่จำกัดช็อต ในกรณีนี้หมอให้คนไข้ชั่งใจไว้ก่อนเลยครับว่าคลินิกนั้นใช้เครื่อง hifu เกรดต่ำ ไม่มีคุณภาพ

การที่ Hifu มีราคาต่ำมาก ๆ นั่นหมายถึง เกรดของเครื่องจะต่ำลงตามราคาไปด้วย และหัวที่ใช้สำหรับยิง Hifu นั้นมีต้นทุนสูง (เมื่อยิงครบ 20,000 line ต้องทิ้งแล้วซื้อหัวใหม่) หากเป็นหัวยิงคุณภาพดี เป็นไปไม่ได้เลยครับที่คลินิกจะตั้งราคาถูก เพราะขาดทุน ได้ไม่คุ้มเสีย

ดังนั้นก่อนทำ Hifu คนไข้ควรหาข้อมูลก่อนว่าโปรโมชั่น Hifu ของคลินิกนั้น ๆ ใช้เครื่องยี่ห้ออะไร นำเข้าจากประเทศอะไร คุณภาพดีไหม ที่คลินิกออกโปร Hifu บุฟเฟ่ต์ดีจริงตามคำกล่าวอ้างหรือไม่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าตามราคาที่จ่ายไปครับ

Hifu เจ็บไหม ?

ทำ Hifu เจ็บครับ แต่เป็นความเจ็บในระดับที่ทนได้ คนไข้หลายคนอาจเคยเห็นคำโฆษณาจากคลินิกหลาย ๆ ที่ว่าทำ Hifu ไม่เจ็บ ซึ่งไม่เป็นความจริงครับ ถ้าทำแล้วไม่รู้สึกเจ็บเลย แสดงว่าเครื่อง Hifu ที่คลินิกใช้อาจไม่ได้มาตรฐาน หลังทำจะไม่เห็นผล

เพื่อให้ผลลัพธ์การทำ Hifu ได้ประสิทธิภาพสูง ขณะทำต้องรู้สึกปวด ๆ ตึง ๆ บริเวณใต้ชั้นผิว แต่จะไม่แสบร้อน เป็นการยิงให้ลงลึกถึงชั้นเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ SMAS เพื่อยกกระชับ 

การทำ Hifu ต้องเจ็บระดับนึงถึงจะได้ผลดีครับ ยิ่งเจ็บ ยิ่งสวย แต่ถ้าคนไข้กลัวเจ็บ หรือไม่ต้องการให้เจ็บเยอะเกินไปก็สามารถเลือกระดับที่ทนไหว แล้วใช้ความถี่ในการทำไฮฟู่ แทนก็จะได้ผลเหมือนกันครับ

ทำไมบางคนทำ Hifu แล้วไม่เห็นผล เกิดจากอะไร ?

Hifu เกรดดี มีคุณภาพ หลังทำครั้งแรกจะเห็นผลลัพธ์ทันทีประมาณ 20% จากนั้นผิวจะเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ ยกกระชับขึ้นเรื่อย ๆ ในระยะเวลา 1-2 เดือน เห็นผลชัดเจนเต็มที่ใน 3-4 เดือน และอยู่ได้ประมาณ 5-6 เดือนครับ

สาเหตุที่ว่าทำไมบางคนทำ hifu แล้วไม่เห็นผล หรือผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นาน สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุดังนี้ครับ

1. เครื่อง Hifu ไม่ได้มาตรฐาน

เครื่อง Hifu มีหลายยี่ห้อ มีหลายเกรด และบางยี่ห้อจะมีหน้าตาคล้าย ๆ กัน ทำให้คนไข้แยกไม่ออกว่าอันไหนเป็นเครื่องแท้ที่มีคุณภาพ อันไหนเป็นเครื่องเลียนแบบ ซึ่งบางคลินิกใช้เครื่องไฮฟู่เกรดต่ำหรือเครื่องเลียนแบบที่มีลักษณะหัวยิงปล่อยพลังงานไม่คงที่ แรงบ้าง เบาบ้าง ไม่มีความสม่ำเสมอ หมอจึงไม่กล้าใช้พลังงานสูง ทำให้เห็นผลลัพธ์น้อยลงหรือมีผลข้างเคียง เช่น ผิวไหม้ หน้าบวม ปากเบี้ยวได้ครับ

2. แพทย์ไม่มีประสบการณ์

การทำ Hifu หมอจะต้องมีความชำนาญในการใช้เครื่องมือ สามารถประเมินปัญหาใบหน้า วางแผนการแก้ไขและคำนวณจำนวนไลน์ที่เหมาะสม รวมถึงมีเทคนิคพิเศษในการยิงบางจุดเช่น ถุงใต้ตา แก้หนังตาตก ยกมุมปาก เพราะถ้าหากยิงไม่ถูกต้องอาจจะยิงโดนเส้นประสาทให้หน้าจะบวม ผิวไหม้ ปากเบี้ยวได้

3. สภาพผิวของแต่ละคน

ปัญหาใบหน้าและสภาพผิวของแต่ละบุคคล เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผลลัพธ์การทำ Hifu เห็นผลต่างกันครับ เช่น บางคนมีใบหน้าหย่อนคล้อยมาก ๆ มีปริมาณไขมันใบหน้าเยอะ เมื่อทำครั้งแรกก็อาจจะเห็นผลไม่ชัดเจน ดังนั้นก่อนทำ Hifu จำเป็นต้องให้แพทย์ประเมินก่อนว่า คนไข้มีปัญหาอะไรและต้องการแก้ปัญหาจุดใดบ้าง เพื่อให้แนะนำวิธีที่ดีและเหมาะสมที่สุดครับ

4. การดูแลตัวเองหลังทำ Hifu

การดูแลตัวเองหลังทำ Hifu เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นเดียวกันครับ คนไข้ส่วนมากมักจะคาดหวังผลที่เกินจริงจากคำโฆษณาของเซลล์ หรือรูปภาพเคสรีวิวที่ผ่านการตัดต่อ บางคนจึงละเลยข้อควรปฏิบัติหลังทำ Hifu ทำพฤติกรรมที่ทำร้ายผิว เช่น ตากแดดจัด ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ เซลล์ผิวจึงไม่ได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่ หลังทำ Hifu ไม่เห็นผลเท่าที่ควร

เพื่อให้การทำ Hifu เห็นผลตามที่คาดหวัง คนไข้ควรปรึกษากับแพทย์ก่อนว่า ทำแล้วจะได้ผลประมาณไหน มีอาการข้างเคียงอะไรบ้าง มีข้อควรปฏิบัติอย่างไร ซึ่งถ้าหากเป็นคลินิกที่มีความรับผิดชอบ และหมอมีจรรยาบรรณ ย่อมเปิดเผยข้อมูลอย่างละเอียดและตรงไปตรงมาครับ

การดูแลตัวเองหลังทำ Hifu เพื่อเห็นผลลัพธ์นาน

• ทาครีมบำรุง ดูแลผิวหน้าได้ตามปกติ 
• หมั่นทาครีมกันแดด เป็นประจำ แนะนำให้ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง ๆ เสริมจากเดิมเพื่อป้องกันแสงแดด รวมถึงหลีกเลี่ยงการออกแดดกลางแจ้งสัก 1-2 สัปดาห์ เพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูของคอลลาเจนใต้ผิวประจำ
• หากมีอาการเมื่อยหรือตึงผิวก็สามารถรับประทานยาแก้ปวดได้
• ไม่ควรนวดหรือถูใบหน้าแรง ๆ
• ไม่สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเป็นการทำลายการสร้างคอลลาเจนที่ชั้นใต้ผิวหนังที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ได้

อ่านบทความเพิ่มเติม : หลังทำ Hifu มีข้อห้ามและข้อปฏิบัติอย่างไร ให้เห็นผลไว อยู่ได้นาน

ทำ Hifu ที่ V Square Clinic ดีอย่างไร ?

อ่านบทความเพิ่มเติม : Hifu ที่ไหนดี ? ปี 2022 เลือกคลินิกทำ Hifu ลดริ้วรอย ยกกระชับ คืนผิวอ่อนเยาว์

สรุป

Hifu เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีช่วยยกกระชับผิว ลดริ้วรอย ที่ได้ผลดีโดยไม่ต้องผ่าตัด หากใช้เครื่องแท้ที่มีประสิทธิภาพ หลังทำเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก 20% ไม่ต้องพักฟื้น ก่อนทำ hifu ควรให้แพทย์ที่มีประสบการณ์ประเมินปัญหาบนใบหน้า และวางแผนการแก้ไขโดยใช้จำนวนช็อตอย่างเหมาะสม ก็จะยิ่งเห็นผลลัพธ์ดียิ่งขึ้นครับ