Collagen Biostimulator นวัตกรรมย้อนวัยผิวให้อ่อนเยาว์
Collagen Biostimulator เป็นอีกกลุ่มหัตถการที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ครับ ด้วยจุดเด่นในการฟื้นฟูผิวหย่อนคล้อย ผิวขาดคอลลาเจน ให้กลับมาตึงกระชับ เนียนเด้งเหมือนผิวเด็ก และช่วยเติม Volume ให้ผิวอิ่มฟู ปรับให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และเปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ
สำหรับใครที่กำลังสนใจหัตถการนี้อยู่ หมอจะพาไปหาคำตอบว่า Collagen Biostimulator มีหลักการทำงานอย่างไร ? มียี่ห้อไหนที่นิยมบ้าง ? ควรเลือกตัวไหนดี และต่างกับ Skin Booster ไหม ?
สารบัญ Collagen Biostimulator
Collagen Biostimulator คืออะไร ?
Collagen Biostimulator คือ การฉีดตัวยาที่กระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติครับ ช่วยชดเชยคอลลาเจนที่สูญเสียไป และฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้กลับมาแข็งแรง ให้ผลลัพธ์เป็นผิวแน่นกระชับ เรียบเนียน อิ่มฟู รวมถึงยังช่วยลดเลือนริ้วรอย และแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยอีกด้วย
ความสำคัญของ Collagen ต่อสุขภาพผิว
ยิ่งผิวของเรามีคอลลาเจนมาก ก็ยิ่งทำให้ผิวแข็งแรงและดูอ่อนเยาว์ครับ เพราะคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบสำคัญของโครงสร้างผิวถึง 75% ทำหน้าที่ยกพยุงโครงสร้างผิว ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ตึงกระชับ เรียบเนียน และยังช่วยซ่อมแซมผิวหนังที่บาดเจ็บ
แต่เมื่ออายุของเราเพิ่มมากขึ้น ปริมาณของคอลลาเจนในร่างกายจะลดจำนวนลงเรื่อย ๆ และทำให้ผิวเสื่อมสภาพ เช่น ผิวขาดความยืดหยุ่น ชั้นผิวบางลง ผิวหย่อนคล้อย และเกิดริ้วรอยได้ง่าย
หลักการทำงานของ Collagen Biostimulator
Collagen Biostimulator เข้าไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์ Fibroblast ซึ่งเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่สร้างเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสติน ให้เกิดการรวมตัว และเพิ่มจำนวน ส่งผลให้เกิดการสร้างคอลลาเจนเพิ่มมากขึ้นครับ ผิวที่เสื่อมสภาพก็จะยกกระชับขึ้นเรื่อย ๆ มักเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงใน 2-3 สัปดาห์ และผลลัพธ์เต็มที่ใน 3 เดือน
หลังจากนั้นสารกระตุ้นคอลลาเจนจะย่อยสลายไปเองจนหมด และเหลือไว้เพียงแค่คอลลาเจนที่ร่างกายสร้างขึ้นมาใหม่ ทำหน้าที่ยกพยุงผิวในระยะยาว ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานประมาณ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่คนไข้เลือกใช้
Collagen Biostimulator ช่วยอะไร เหมาะกับใคร ?
อย่างที่หมอได้กล่าวไปครับ ว่ากลไกหลัก ๆ ของ Collagen Biostimulator คือ การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหรือต้องการผลลัพธ์ต่อไปนี้
- ผู้ที่อายุ 25 ปีขึ้นไป ผิวเริ่มสูญเสียคอลลาเจน ต้องการคงความอ่อนเยาว์ให้ผิว
- ผู้ที่มีผิวหมองคล้ำ ต้องการเพิ่มความกระจ่างใส เพิ่ม Skin Radiance ให้ผิวเปล่งปลั่ง
- ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง รูขุมขนกว้าง ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้น
- ผู้ที่ต้องการมีผิวเด็ก ผิวอิ่มฟู สุขภาพดี ดูฉ่ำโกลว์ตามเทรนด์ Glass Skin
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ผิวย้วย ไม่เฟิร์ม หน้าตก หรือกรอบหน้าไม่ชัด
- ผู้ที่มีปัญหาหน้าตอบ แก้มตอบ ขมับตอบ ต้องการเพิ่ม Volume ให้ใบหน้า
- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ทั้งริ้วรอยตื้น ๆ และริ้วรอยร่องลึก ที่มองเห็นได้ชัดเจน
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ เพราะคอลลาเจนจะมาจากร่างกายของเราเองทั้งหมด
- ผู้ที่ทำหัตถการเครื่องยกกระชับ เช่น Hifu, Ulthera, Thermage แล้วผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นาน
ข้อควรรู้ : ในคนไข้บางกลุ่มที่ทำเครื่องยกกระชับแล้วไม่ค่อยเห็นผล หรืออยู่ได้ไม่นาน อาจมีสาเหตุมาจากคอลลาเจนในชั้นผิวลดลงในปริมาณมาก ทำให้เกิดช่องว่างในชั้นผิวเยอะ ผิวหลวมครับ หากทำร่วมกับ Collagen Biostimulator ก็จะช่วยให้ผลลัพธ์ดีขึ้นได้
Collagen Biostimulator มียี่ห้อไหนบ้าง ?
ในปัจจุบันมี Collagen Biostimulator ออกมาหลายยี่ห้อครับ ซึ่งแต่ละตัวจะมีส่วนผสม กลไกการทำงาน และให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน หมอจะลงรายละเอียดให้แต่ละหัวข้อ
1. Sculptra
Sculptra ใช้สาร PLLA ที่เป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติตัวแรกของโลก (The First & Original Collagen Biostimulator) ครับ หลังฉีดทำงานผ่านระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย โดยดึงเม็ดเลือดขาว Macrophage เข้ามาเหนี่ยวนำให้เซลล์ Fibroblast รวมตัวและเพิ่มจำนวน จึงเกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในโครงสร้างผิวอย่างต่อเนื่อง และให้ผลลัพธ์นานถึง 2 ปี
จากการวิจัย Sculptra สามารถช่วยกระตุ้นการสร้าง Collagen Type I ซึ่งเป็นประเภทที่มีมากที่สุดในโครงสร้างผิว ได้มากถึง 66.5% ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรง ยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ปรับผิวให้แน่นและอิ่มฟู และลดเลือนริ้วรอย
โดยทั่วไปการฉีด Sculptra จะเน้นบริเวณใบหน้าเป็นหลักครับ เช่น บริเวณขมับ กรอบหน้า และหน้าแก้ม ฉีดตามทิศทางที่ช่วยยกกระชับ เพื่อให้เกิดการยกพยุงผิวขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถฉีด Sculptra Body เพื่อแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยในตำแหน่งต่าง ๆ ของร่างกายที่คนไข้กังวล เช่น ต้นแขน หัวเข่า หน้าท้อง สะโพก
อ่านเพิ่มเติม : เจาะลึก Sculptra นวัตกรรมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจาก Galderma
2. Radiesse Filler
Radiesse Filler ใช้สาร CaHA (Calcium Hydroxylapatite microsphere) ซึ่งเป็นสารที่พบได้ในเนื้อเยื่อกระดูก หลังฉีดเข้าไปฟื้นฟูการทำงานของเซลล์ Fibroblast โดยตรง ทำให้เกิดการสร้างเส้นใยตาข่ายผิวใหม่ถึง 5 ประการ ได้แก่ Collagen Type I, Collagen Type III, Elastin, หลอดเลือดเล็ก ๆ (Angiogenesis) และสารหล่อเลี้ยงผิว (Proteoglycan) ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรง ยืดหยุ่น เพิ่มความชุ่มชื้น ให้ผิวอมชมพูมีเลือดฝาด
สามารถฉีด Radiesse Filler ได้ทั้งบริเวณใบหน้าและร่างกาย เช่น เพิ่ม Volume และเติมร่องลึกบริเวณหน้าแก้ม ร่องแก้ม และร่องน้ำหมาก, ยกกระชับบริเวณกรอบหน้าและคาง, หรือเพิ่มความชุ่มชื้น ลดรอยเหี่ยวย่น แก้ปัญหาผิวเป็นคลื่นบริเวณลำคอ หลังมือ และต้นแขน
3. Gouri
Gouri ใช้สาร PCL (Polycaprolactone) ซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกับที่ใช้ทำไหมละลายในทางการแพทย์ หลังฉีดทำให้เกิดกระบวนการ Neocollagenesis หรือกระบวนการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ใต้ชั้นผิว ช่วยทำให้ผิวหนังมีความหนาและอิ่มฟูขึ้น ให้ผลลัพธ์เป็นผิวที่แน่นกระชับ ยืดหยุ่น เนียนเด้ง และลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า
จุดเด่นของ Gouri อยู่ที่ตัวยาเป็นของเหลว (Fully Liquid) มาในหลอดไซริงค์ สามารถฉีดได้ทันที ไม่ต้องผสม ช่วยลดโอกาสปนเปื้อนได้ครับ นอกจากนี้ยังกระจายตัวได้ดี สามารถฉีด 2-4 จุดก็เพียงพอ แต่ให้ผลลัพธ์นาน 1 ปี นิยมฉีดแก้ปัญหาผิวที่สูญเสียคอลลาเจนบริเวณใบหน้า ลำคอ และหลังมือ
4. Juvelook
Juvelook เป็น Collagen Biostimulator ที่มีส่วนประกอบหลักเป็นสาร PDLLA มาพร้อมกับ Non-Crosslinked Hyaluronic Acid ครับ หลังฉีดจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ช่วยฟื้นฟูผิวในระยะยาว โดดเด่นในเรื่องปรับผิวให้เรียบเนียน นิยมใช้ลดริ้วรอย รอยแผลเป็น รอยแตก กระชับรูขุมขน และปรับสีผิวให้กระจ่างใสขึ้น
สามารถฉีด Juvelook ทั่วใบหน้า เพื่อปรับผิวให้อิ่มฟู ฉ่ำวาวแบบองค์รวม หรือฉีดเฉพาะจุดที่คนไข้กังวลใจ เช่น แก้ปัญหาผิวหมองคล้ำใต้ตา ลดริ้วรอยหางตา หรือลดผิวแตกลายที่ร่างกาย
5. Ultracol
Ultracol ใช้สาร PDO ซึ่งเป็นวัสดุเดียวกับเส้นไหมละลายทางการแพทย์สำหรับเย็บแผลผ่าตัด และยกกระชับใบหน้า หลังฉีดจะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนผ่านระบบภูมิคุ้มกันเช่นเดียวกับ Sculptra ครับ โดยสามารถกระตุ้นการคอลลาเจน Type I และ Type III ช่วยในเรื่องความยืดหยุ่นและความหนาแน่นของผิว ลดเลือนริ้วรอย และเพิ่มความกระจ่างใส ให้ผิวดูมีออร่า
จุดเด่นของ Ultracol คือ การนำสาร PDO มาผ่านกระบวนการ Nano Technology เพื่อให้อยู่ในรูป PDO Microspheres ที่โมเลกุลมีขนาดเล็กระดับไมโคร ละลายน้ำและกระจายตัวได้ดี จึงสามารถฉีดในตำแหน่งที่ผิวบาง ๆ หรือจุดอื่น ๆ ที่ Collagen Biostimulator ตัวอื่นไม่เหมาะครับ เช่น ใต้ตา หน้าผาก ร่องแก้ม คอ หลังมือ
Collagen Biostimulator แต่ละยี่ห้อแตกต่างกันอย่างไร ?
เพื่อให้เห็นภาพง่าย ๆ หมอสรุปตารางเปรียบเทียบความแตกต่าง และรีวิวผลลัพธ์หลังทำของ Collagen Biostimulator แต่ละตัวให้
Sculptra รีวิว
Radiesse Filler รีวิว
Gouri รีวิว
Juvelook รีวิว
Ultracol รีวิว
ผลลัพธ์หลังฉีด Collagen Biostimulator ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของคนไข้ และจำนวนครั้งในการทำร่วมด้วยครับ หากฉีดกับแพทย์ที่มากประสบการณ์ ผ่านการอบรมเทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง ก็สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่การทำครั้งแรก
V Square Clinic ให้บริการฉีด Collagen Biostimulator กับแพทย์มากประสบการณ์ ผ่านการอบรมเทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง ก่อนฉีดมีประเมินใบหน้าทุกเคส ไม่ผ่านเซลส์
แยกให้ชัด! Collagen Biostimulator vs Skin Booster ต่างกันอย่างไร ?
จริง ๆ แล้ว Collagen Biostimulator ก็จัดเป็น Skin Booster ครับ เพราะเป็นหัตถการงานฉีด ที่ช่วยฟื้นฟูผิวจากภายใน ให้ผลลัพธ์ผิวที่เรียบเนียน อ่อนเยาว์ ดูสุขภาพดี
สิ่งที่ทำให้ Collagen Biostimulator ต่างจาก Skin Booster ตัวอื่น ๆ คือ สามารถเติม Volume ของใบหน้าได้ดี ยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย และแก้ปัญหาทั้งริ้วรอยตื้น ๆ และร่องลึกได้
ส่วนการฉีด Skin Booster ส่วนใหญ่ใช้แก้ปัญหาผิวเป็นหลักครับ เช่น เพิ่มความกระจ่างใส ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ฉ่ำวาว หรือลดสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ มักมีส่วนประกอบของสารอาหารที่จำเป็นต่อสุขภาพผิว เช่น คอลลาเจน, ไฮยาลูโรนิก แอซิด, วิตามินซี, Growth Factors ซึ่งเมื่อนำมาฉีดเข้าสู่ชั้นผิวโดยตรง จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วกว่า แต่ผลลัพธ์ก็อยู่ได้สั้นกว่า Collagen Biostimulator
สำหรับ Skin Booster ที่นิยมก็มีหลายตัวครับ เช่น ฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว, เมโสหน้าใส, Rejuran และ Exosome แต่ละตัวจะมีส่วนประกอบอะไรบ้าง และช่วยแก้ปัญหาผิวในด้านใน หมอจะลงรายละเอียดให้ครับ
ฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว / ฟิลเลอร์งานผิว
ฟิลเลอร์งานผิว หรือฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว มีส่วนประกอบหลักเป็นสารไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งช่วยเพิ่มการกักเก็บน้ำ จึงเด่นในเรื่องการแก้ปัญหาผิวแห้ง สร้างผิวฉ่ำวาว Glass Skin และเพิ่มคุณภาพผิวให้ยืดหยุ่น ตัวที่นิยมใช้จะเป็นฟิลเลอร์ที่เจลมีความละเอียด กระจายตัวได้ดี หลังฉีดเรียบเนียนไปกับผิว เช่น
- Restylane Vital Light ฟิลเลอร์เนื้อฉ่ำ เนื้อเจลอนุภาคเล็ก และมีความละเอียดที่สุด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น แก้ปัญหาผิวขาดน้ำ นิยมฉีดทั่วหน้า รอบดวงตา ลำคอ ปาก และหลังมือ
- Belotero Revive ฟิลเลอร์งานผิวตัวแรกของโลก เป็นสาร HA+Glycerol ช่วยเพิ่มคุณภาพผิว (Skin Quality) โดยเฉพาะ สามารถฟื้นฟูผิวได้ 4 มิติ ทั้งผิวอิ่มฟู เรียบเนียน ชุ่มชื้นฉ่ำวาว และให้ความเด้งกระชับ
- Juvederm Volite ฟิลเลอร์เนื้อฉ่ำ มีความหนืดกว่า Restylane Vital Light เล็กน้อย ฉีดบูสต์ผิวให้ชุ่มชื้น ดูอิ่มน้ำและเรียบเนียน นิยมฉีดทั่วหน้า รอบดวงตา ลำคอ ปาก และหลังมือ
- Skinvive ฟิลเลอร์งานผิวที่ต่อยอดมาจาก Juvederm Volite เพื่อบำรุงผิวในระดับลึก และปรับปรุงคุณภาพผิว ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน สามารถฉีดได้ทั้งใบหน้าและร่างกาย เช่น หน้าผาก แก้ม ใต้ตา ริมฝีปาก หลังมือ ลำคอ และเนินอก
เมโสหน้าใส
เมโสหน้าใส เป็นการฉีดวิตามินผิวรูปแบบหนึ่งครับ โดยนำสารอาหารและวิตามินที่ปกติดูดซึมผ่านผิวหนังได้ยาก มาฉีดเข้าผิวชั้นหนังแท้โดยตรง ช่วยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงใน 7-14 วัน มีให้เลือกหลายสูตร ตามสภาพผิวและความกังวลใจของคนไข้
- MADE Collagen : ช่วยลดการอักเสบ ขับสารพิษ ลดสิว ผดผื่น และฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงขึ้น
- Filorga / Revs : เติมความชุ่มชื้น ให้ผิวอิ่มน้ำ ปรับให้ผิวขาวใส เรียบเนียน และลดฝ้า
- Tensonez / Neo Glutanex Glow : ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใส ลดฝ้า กระ จุดด่างดำ และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
- Alpha Arbutin : เน้นลดฝ้า กระ และจุดด่างดำจากแสงแดดโดยเฉพาะ
โดยทั่วไปการฉีดเมโสหน้าใสจะใช้บำรุงผิวหน้าเป็นหลักครับ สำหรับใครที่ต้องการฟื้นฟูร่างกายแบบองค์รวม เสริมภูมิคุ้มกัน และให้ผิวสุขภาพดีจากภายใน หมอแนะนำเป็นการดริปวิตามินผิว
อ่านเพิ่มเติม : การฉีดเมโสหน้าใส (Mesotheraphy) มีกี่สูตร ? เหมาะกับปัญหาผิวแบบไหนบ้าง ?
Rejuran
Rejuran ใช้สาร PN บริสุทธิ์สกัดได้จาก Salmon DNA ซึ่งเข้ากันได้ดีกับร่างกายของมนุษย์ หลังฉีดจะเข้าไปแทนที่เซลล์ที่เสื่อมสภาพ ต้านการอักเสบ และกระตุ้นให้เกิดกระบวนการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ครับ จึงช่วยฟื้นฟูผิวได้ในเวลาอันรวดเร็ว และสามารถช่วยแก้ปัญหาผิวได้หลายด้าน ทั้งเรื่องความหมองคล้ำ ผิวแห้ง รูขุมขนกว้าง และเพิ่มความเนียนกระชับ นิยมฉีด Rejuran เป็น Skin Booster บริเวณใบหน้า ลำคอ และหลังมือ
อ่านเพิ่มเติม : Rejuran ทางลัดฟื้นฟูผิวเสีย ให้ฉ่ำวาว แบบสาวเกาหลี
Exosome
Exosome เป็นนวัตกรรมที่ช่วยฟื้นฟูผิวและชะลอวัยผิว ด้วยการใช้สารชีวโมเลกุลที่มีขนาดเล็กกว่าเซลล์ เข้าไปกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังทำงานอย่างเหมาะสม จึงช่วยซ่อมแซมโครงสร้างผิวที่เสื่อมสภาพได้ลึกถึงระดับการแสดงออกของยีน (Epigenetic) และชะลอความเสื่อมสภาพของผิวหนังที่จะเกิดขึ้นในอนาคต นิยมใช้ Exosome บำรุงผิวหน้า หรือเฉพาะจุด เช่น หน้าผาก ใต้ตา แก้ม ร่องแก้ม และลำคอ
อ่านเพิ่มเติม : Exosome นวัตกรรมซ่อมแซมและชะลอวัยผิว (Anti-Aging) จากเกาหลี
จะเห็นได้ว่า Collagen Biostimulator และ Skin Booster มีจุดเด่นที่แตกต่างกันและแก้ไขปัญหาในคนละจุดครับ หากคนไข้ต้องการทำร่วมกัน ก็สามารถแจ้งแพทย์ได้ตั้งแต่ในช่วงประเมินใบหน้า หมอจะช่วยแนะนำหัตถการและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด
Collagen Biostimulator ราคาเท่าไหร่ ?
ราคาของหัตถการในกลุ่ม Collagen Biostimulator อาจดูสูงเมื่อเทียบกับหัตถการตัวอื่น ๆ แต่หากพิจารณาในเรื่องประสิทธิภาพ และระยะเวลา ก็ถือว่ามีความคุ้มค่าครับ
ราคา Collagen Biostimulator แยกตามยี่ห้อ ที่ V Square Clinic
สรุปฉีด Collagen Biostimulator ดีไหม ?
การฉีด Collagen Biostimulator ดีตรงที่สามารถแก้ปัญหาผิวที่เสื่อมสภาพตามวัยได้หลายประการ เช่น ผิวขาดความยืดหยุ่น รอยย่นและริ้วรอยบนใบหน้า ชั้นผิวบางลง หรือผิวย้วยขาดความกระชับ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการคงความอ่อนเยาว์ให้ผิว หรือในกลุ่มคนที่มีอายุต้องการดูเด็กลง นอกจากนี้ยังสามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น เช่น เครื่องยกกระชับ หรือ Skin Booster
อ้างอิง :
- https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC4699473/
- https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/23464798/
- https://journals.lww.com/md-journal/fulltext/2024/03150/application_of_plla__poly_l_lactic_acid__for.36.aspx
- https://juvelook.com/
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง Inbox Facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ
