
Juvelook ตัวช่วยผิวฉ่ำวาว กระจ่างใส
เทรนด์งานผิวฉ่ำวาวมาแรง ทำให้ Juvelook (จูวีลุค) สารกระตุ้นคอลลาเจนตัวใหม่จากเกาหลีกลายเป็นที่สนใจของใครหลายคนครับ เพราะนอกจากช่วยกระตุ้นคอลลาเจนแล้ว ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เติมน้ำให้ผิวดูอิ่มฟู กระจ่างใส เหมาะกับคนที่คอลลาเจนลดลงตามวัย เริ่มมีริ้วรอย หรือต้องการงานผิวแบบ Glass skin
โดย Juvelook ต่างจากตัวอื่นอย่างไร ? ปลอดภัยไหม ? ฉีดกี่วันเห็นผล ? อยู่ได้นานแค่ไหน ? ติดตามอ่านได้ในบทความนี้ครับ
สารบัญ Juvelook
นวัตกรรมงานผิว Juvelook คืออะไร ?

Juvelook คือ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Skin Booster ที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว (Collagen Biostimulator) จากประเทศเกาหลีใต้ครับ ในไทยนำเข้าอย่างถูกต้องโดย บริษัท จูวีเทค จำกัด
โดย Juvelook เป็นนวัตกรรมงานผิวแบบ Hybrid Biostimulator เพราะมีการผสมผสานกันระหว่าง 2 สารประกอบสำคัญอย่าง PDLLA และ HA ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ตัวนี้ครับ ไม่เพียงแต่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวเท่านั้น แต่ยังเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิวดูฉ่ำน้ำอีกด้วย
สารประกอบหลักที่ใช้ใน Juvelook
Juvelook มีสารประกอบหลักเป็น PDLLA (Poly-D,L-Lactic Acid) ทำหน้าที่กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่ ฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้กระชับขึ้นในระยะยาว
โดยความพิเศษของอนุภาค PDLLA จะอยู่ในลักษณะทรงกลมคล้ายกับฟองน้ำ ภายในเป็นโครงร่างตาข่าย มีรูพรุน เข้ากันกับร่างกายได้ดี ช่วยลดโอกาสการจับตัวเป็นก้อนใต้ชั้นผิว สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีได้รับการจดสิทธิบัตรเฉพาะใน Juvelook ครับ

นอกจากนี้จูวีลุคมีปริมาณ PDLLA ที่เจือจาง จึงสามารถนำมาฉีดในบริเวณที่ผิวบอบบางอย่างใต้ตาได้อย่างปลอดภัย และยังมีส่วนประกอบของ Non-Crosslinked HA 7.5 mg ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวฉ่ำวาว บูสต์ผิวกระจ่างใสได้อย่างรวดเร็ว
การทำงานของ Juvelook ใน 3 Steps

- Physical support : HA ช่วยเติมเต็มริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ทันที
- Restoration : หลังจากนั้น 2-4 สัปดาห์ HA สลายไป PDLLA เข้าทำหน้าที่กระตุ้นเซลล์ไฟโบรบาลาสต์ให้ผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินในระยะยาว ช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นให้กับผิว
- Maintenance : หลังฉีดไปแล้ว 6 เดือน PDLLA ค่อย ๆ สลายไปตามธรรมชาติ เห็นผลลัพธ์ได้เต็มที่จากปริมาณคอลลาเจนที่เพิ่มมากขึ้น ฟื้นคืนวอลลุ่มบนผิวหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ

Juvelook ช่วยเรื่องอะไร ?
- ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น
- ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ให้ผิวดูอิ่มฟู ฉ่ำน้ำ
- ช่วยปรับผิวดูกระจ่างใส รูขุมขนกระชับ
- ช่วยลดเลือนรอยแผลเป็น ให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
- ช่วยลดเลือนรอยแตกลายบนผิวหนัง
Juvelook เหมาะกับใคร ?

การฉีด Juvelook เหมาะอย่างมากกับผู้ที่มีปัญหาผิวดังนี้
- ผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง
- ผู้ที่มีรอยหลุมสิว รอยแผลเป็น
- ผู้มีริ้วรอยบริเวณหางตา คอ
- ผู้ที่ผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น
- ผู้ที่มีปัญหาผิวแตกลาย
ข้อจำกัด : ไม่ควรฉีด Juvelook ในกลุ่มคนที่แพ้ HA หรือกรดโพลีแลกติก ผู้ที่มีปัญหาเลือดแข็งตัวผิดปกติ โรคผิวหนังเรื้อรัง มีแผลเป็นคีย์ลอย และผู้ที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ฉีด Juvelook ตำแหน่งไหนได้บ้าง ?
Juvelook สามารถฉีดได้หลายตำแหน่งบนร่างกาย แม้แต่บริเวณที่ผิวบอบบาง ได้แก่
- ทั่วใบหน้า กระตุ้นคอลลาเจน กระชับรูขุมขน
- ใต้ตา ร่องน้ำตา ลดใต้ตาคล้ำ ริ้วรอยเล็ก ๆ รอบดวงตา
- บริเวณลำคอ ลดรอยเหี่ยวย่น
- บริเวณที่มีรอยแผลเป็น (หากเป็นบริเวณหน้าผากควรทำโดยแพทย์ประสบการณ์สูงเท่านั้น)
- บริเวณผิวหนังที่มีรอยแตกลาย
ฉีด Juvelook ครั้งละกี่ CC ?
Juvelook อยู่ในลักษณะผงแห้งบรรจุอยู่ในขวดครับ ก่อนใช้งานต้องผสมกับน้ำเกลือ (Normal Saline) ดังนั้นฉีด Juvelook ครั้งละกี่ CC ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ต้องการฉีดครับ
หากเป็นทั่วใบหน้าจะใช้ Juvelook 1 ขวด หรือ 1 vial เติมน้ำเกลือ 6 CC หรือหากต้องการฉีดเพื่อลดรอยแตกลายบริเวณหน้าท้อง หรือขาที่มีพื้นที่ใหญ่กว่า อาจเติม 8 CC ขึ้นอยู่กับแพทย์ประเมิน แต่ไม่ว่าจะตำแหน่งไหน ไม่ควรฉีดเกิน 2 ขวดต่อการทำในแต่ละครั้งครับ
Juvelook 1 ขวด ราคาเท่าไร ?
Juvelook 1 ขวด ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 15,XXX บาท ขึ้นอยู่กับโปรโมชันของแต่ละคลินิก แต่แนะนำว่าควรเปรียบเทียบราคาจากหลาย ๆ คลินิกที่ได้มาตรฐานก่อนตัดสินใจทำครับ หากเจอในราคาถูกมาก มีความเสี่ยงที่จะเป็นของปลอม หรือของที่ลักลอบนำเข้าอย่างผิดกฎหมาย มีแหล่งที่มาไม่แน่ชัด หากพลาดฉีดเข้าไปอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้
เคลียร์ชัด Juvelook ต่างจากงานผิวตัวอื่นอย่างไร ?
นอกจาก Juvelook แล้วยังมีผลิตภัณฑ์ Skin Booster ตัวอื่น ๆ ที่ได้รับความนิยมตามเทรนด์งานผิวในปัจจุบันที่หลายคนชื่นชอบผิวฉ่ำวาว ดูกระจ่างใส เปล่งปลั่ง (Skin Radeisse) และให้ความสนใจในการดูแลและฟื้นฟูสุขภาพผิวที่ดีในระยะยาว
โดย Juvelook จะต่างจาก Skin booster แต่ละตัวในด้านสารประกอบที่ใช้ กระบวนการทำงานในการฟื้นฟูแก้ปัญหาผิว ทำให้มีจุดเด่นที่ต่างกันไป การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับความต้องการและปัญหาของแต่ละคนครับ หมอจะมาอธิบายถึงแต่ละหัตถการคร่าว ๆ ดังนี้
กลุ่ม Biostimulator จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับ Juvelook เด่นเรื่องการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวในระยาว ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้ผิวแข็งแรง เต่งตึง ดูอ่อนเยาว์
- Sculptra มีสารประกอบหลักเป็น PLLA ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้ดีกว่า ทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรง แน่นกระชับขึ้น
- Radiesse มีสารประกอบหลักคือ CaHA ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวชั้นลึก กระตุ้นคอลลาเจน พร้อมเติมเต็มริ้วรอยร่องลึก เพิ่มวอลลุ่ม ช่วยให้ผิวอิ่มฟู เฟิร์มกระชับ
- Gouri เป็นสาร PCL หรือไหมละลาย ที่อยู่ในรูปแบบของเหลวนำมาฉีดเข้าใต้ชั้นผิวช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟูคุณภาพผิวให้ดีขึ้น
Filler Skin booster หรือฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว มีสารประกอบหลัก คือ Hyalururonic Acid (HA) จึงเด่นในเรื่องช่วยกักเก็บและเพิ่มความชุ่มชื้น ปรับสภาพผิวขาดน้ำ แห้งกร้าน ให้อิ่มฟูดูฉ่ำวาว
- Restylane Vital Light ผลิตด้วย NASHA Technology เป็นฟิลเลอร์เนื้อฉ่ำ เนื้อเจลมีอนุภาคเล็ก กระจายในชั้นผิวได้ดี ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน
- Belotero Revive ฟิลเลอร์งานผิวตัวแรกที่มีการผสานระหว่าง HA+Glycerol ที่ช่วยเพิ่มและกักเก็บความชุ่มชื้น หลังฉีดช่วยให้ผิวดูดีขึ้นใน 4 มิติ ได้แก่ อิ่มฟู เรียบเนียน ชุ่มชื้น และฉ่ำวาว
- Skinvive เป็นฟิลเลอร์งานผิวล่าสุดที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Juvederm Volite มีจุดเด่นคือ HA อยู่ในรูปแบบ Microdroplets of HA สามารถช่วยกักเก็บและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอิ่มน้ำได้อย่างนาน
กลุ่มหัตถการงานผิวหน้าใสอื่น ๆ
- Rejuran เป็นสกินบูสเตอร์ที่มีส่วนประกอบหลักคือ Polyneucleotide (PN) บริสุทธิ์ เข้มข้น 2% ที่สกัดมาจาก DNA ปลาแซลมอน ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ สร้างผิวฉ่ำวาว Glass skin
- Exosome ฟื้นฟูผิวถึงระดับเซลล์ด้วยสารชีวโมเลกุลกว่า 1,000 ชนิด ช่วยให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส แก้ปัญหาจุดด่างดำ ฝ้า กระ รูขุมขนกว้าง
- เมโสหน้าใส (Mesotherapy) คือ การฉีดวิตามินผิวและสารบำรุงเข้าสู่ผิวชั้นกลางโดยตรง เห็นผลได้เร็ว มีหลายสูตร หลายยี่ห้อให้เลือกใช้ตามปัญหาและความกังวลของคนไข้ เช่น
- มาเด้คอลลาเจน ขับสารพิษออกจากผิว ลดสิว ผดผื่น
- Alpha Arbutin ช่วยลดฝ้าโดยตรง
- Tensonez เน้นเรื่องผิวขาวใส รักษาฝ้า กระ
- Filorga / REVS เพิ่มความชุ่มชื้น ผิวฉ่ำวาว กระชับรูขุมขน
- Neo Glutanex Glow เน้นผิวขาวใส ชุ่มชื้น กระชับรูขุมขน
- ดริปวิตามินผิว เป็นการฉีดสารอาหารและแร่ธาตุผ่านสายน้ำเกลือเข้าสู่เส้นเลือดดำโดยตรง ทำให้ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันที ช่วยปรับสภาพผิวให้ดูกระจ่างใส เรียบเนียน ผิวใสดูสุขภาพดีขึ้นครับ
หลังทำ Juvelook เห็นผลเลยไหม ? กี่วันเห็นผล ? ทำบ่อยแค่ไหน ?
ใน Juvelook มีส่วนประกอบของสาร HA ทำให้หลังฉีดครั้งแรกผิวดูชุ่มชื้นอิ่มฟูขึ้นทันที หลังจากนั้น 7-14 วัน เมื่อเกิดการกระตุ้นคอลลาเจนแล้วจะเห็นได้ว่าผิวมีความยืดหยุ่นขึ้น ริ้วรอยตื้น ๆ ลดลง ผิวเรียบเนียน ดูกระจ่างใสขึ้น
ส่วนความถี่ในการทำ แนะนำให้ฉีดต่อเนื่อง 3 ครั้ง ห่างกัน 4 สัปดาห์ จากนั้นสามารถกลับมาฉีดทุก ๆ 6-8 เดือน เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานและคงสภาพผิวที่ดีไว้ครับ
ตัวอย่างผลลัพธ์หลังฉีด Juvelook บริเวณร่องน้ำตา


Juvelook ปลอดภัยไหม ?
Juvelook เป็น Skin booster ที่มีความปลอดภัยครับ สารประกอบหลัก PDLLA ที่ใช้ สกัดจากธรรมชาติ มีความบริสุทธิ์ 100% ได้รับรองจาก FDA ว่าสามารถใช้ในร่างกายได้ นอกจากนี้ Juvelook ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับสากลทั้ง CE, KFDA และ อย.ไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ
ทั้งนี้หลังฉีดอาจพบผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น รอยเขียวช้ำ บวมแดง เป็นอาการที่พบได้ปกติ สามารถหายได้เองใน 1-2 วัน แต่เพื่อความปลอดภัย ลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ หมอแนะนำให้ใช้ของแท้ นำเข้าบริษัท จูวีเทค เท่านั้น และทำหัตถการโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์
ข้อควรปฏิบัติก่อน-หลังทำ Juvelook
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ การเตรียมตัวก่อนทำและหลังทำเป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติตาม ดังนี้ครับ
การเตรียมตัวก่อนทำ Juvelook
- งดการรับประทานยา วิตามิน และอาหารเสริมบางชนิดที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน NSAIDs ไอบูโพรเฟน วิตามินอี เพราะเสี่ยงต่อการเลือดออกและรอยฟกช้ำ และอาจส่งผลต่อการกระจายตัวยา
- เลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันอาการบวมช้ำหลังฉีด
การดูแลหลังทำ Juvelook
- เลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง และควรทาครีมกันแดดที่มี SPF สูงอยู่เป็นประจำ
- เลี่ยงกิจกรรมที่มีอุณหภูมิสูง เช่น ซาวน่า อบไอน้ำ
- ไม่แนะนำให้ดื่มแอลกอฮอล์หลังฉีด 1-2 สัปดาห์ ลดความเสี่ยงการเกิดอาการบวมช้ำ อาการอักเสบ
สรุปฉีด Juvelook ดีไหม ?
สรุปแล้วฉีด Juvelook ดีไหม ? เป็นงานผิวอีกตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการผิวชุ่มขึ้น อิ่มน้ำอย่างเร่งด่วน และกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาว ผลลัพธ์อยู่ได้นาน โดยข้อดีของ Juvelook สามารถใช้ในบริเวณที่ผิวบอบบาง และทำร่วมกับกับหัตถการอื่นได้ครับ รวมถึงมีความปลอดภัย ได้รับรองมาตรฐานระดับสากล
ทั้งนี้ควรเลือกฉีด Juvelook กับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ภายใต้คลินิกที่มีใบอนุญาต ใช้ Juvelook ของแท้ นำเข้าถูกต้อง สามารถตรวจสอบได้ครับ เพื่อความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่ออกมาดี
อ้างอิง
สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม ทีมแพทย์ V Square Clinic ทุกคนยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้ง 30 สาขา หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line นี้ได้เลยครับ หมอตอบเองครับ